“วุฒิพงศ์” เยี่ยม ปส. ครั้งแรกหลังรับตำแน่งเจ้ากระทรวงวิทยาศาสตร์ สำรวจเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ศูนย์ไอโซโทปรังสี เดินหน้าหาบริษัทสร้างศูนย์วิจัยองครักษ์ต่อ ส่วนคดีทุจริตต้องไม่เอามาปะปน พร้อมจัดการแน่แต่ต้องหารืออีกรอบ พร้อมแนะ ปส. ทำสารคดีสั้นออกสื่อทีวี เร่งให้ความรู้แก่ประชาชนก่อนมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ยกญี่ปุ่นถูกระเบิดปรมาณูยังมีโรงนิวเคลียร์ได้หลายแห่ง
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 25 ก.พ.51 นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) และคณะ เดินทางเข้าเยี่ยมชมและรับฟังนโยบายการทำงานของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) โดยนายเชาวน์ รอดทองคำ เลขาธิการ ปส. และ ผศ.ดร.สมพร จองคำ ผอ.สทน.รายงานถึงผลงานที่ผ่านมาและนโยบายในปีต่อๆ ไป
ทั้งนี้ ระหว่างการตรวจเยี่ยมผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีโครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ซึ่งเป็นการสร้างศูนย์วิจัยและเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของ สทน.แห่งใหม่ แทนเตาปฏิกรณ์ที่ใช้ในปัจจุบันซึ่งเลยอายุการใช้งานมานับสิบปีแล้วที่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก ซึ่งโครงการดังกล่าวยืดเยื้อมากว่า 10 ปี แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จเพราะมีการทุจริตเกิดขึ้นนั้น โดยนายวุฒิพงศ์กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการโดยด่วน
“การสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ก็เป็นเรื่องหนึ่ง คดีทุจริตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องแยกให้ออก อย่านำมาปะปนกัน” นายวุฒิพงศ์แจกแจงและกล่าวต่อว่า แนวคิดที่จะเริ่มสร้างศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์เริ่มมาตั้งแต่ปี 2532 และดำเนินการอย่างจริงจังในปี 2538 แต่บัดนี้ 10 กว่าปีแล้วก็ยังไม่เสร็จ ซึ่งช่วงเวลาที่สูญเสียไปทำให้ประเทศชาติสูญเสียรายได้ที่มหาศาลที่จะเกิดจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ดังกล่าว ซึ่งมากกว่างบประมาณการก่อสร้างมากมายหลายเท่า
นายวุฒิพงศ์บอกว่าจะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบต่อเรื่องนี้เปิดประมูลบริษัทใหม่ให้เข้ามาดำเนินการศูนย์นิวเคลียร์องครักษ์โดยเร็วที่สุด ซึ่งตามแผนเดิมใช้ระยะเวลาสร้าง 4 ปี แต่เทคโนโลยีปัจจุบันอาจทำให้เสร็จเร็วกว่าที่กำหนดได้
ส่วนการสอบสวนคดีทุจริตในเรื่องดังกล่าวเมื่อครั้งที่ผ่านมา นายวุฒิพงศ์บอกว่าก็ต้องดำเนินการสอบสวนไปพร้อมกันแน่นอน ส่วนจะดำเนินการอย่างไรบ้างต้องหารือกับปลัดกระทรวงอีกทีหนึ่ง หากจะรอให้คดีจบก่อนแล้วค่อยดำเนินการต่อคงไม่ดีแน่ เพราะเรื่องนี้ล่าช้ามา 18 ปีแล้ว คงรอต่อไปอีกไม่ได้ พร้อมกับย้ำอีกครั้งว่า เรื่องคดีทุจริตศูนย์นิวเคลียร์องครักษ์เป็นคนละเรื่องกับการก่อสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
นอกจากนี้ระหว่างการตรวจเยี่ยมนายวุฒิพงศ์ยังเสนอแนะว่าสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนในตอนนี้คือการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับเทคโนโลยีนิวเคลียร์รวมถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วย
“ต้องทำให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับนิวเคลียร์ โดยเฉพาะกับเด็กๆ และเยาวชน ดูอย่างประเทศญี่ปุ่นที่เคยถูกระเบิดปรมาณูมีผู้คนเสียชีวิตมากมาย แต่ทำไมยังสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ตั้งเยอะแยะ และขณะนี้เวียดนามก็กำลังดำเนินการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แล้ว ทั้งที่ประเทศไทยมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาก่อน” นายวุฒิพงศ์กล่าว
รมว.วท.ยังบอกอีกว่า การให้ความรู้แก่ประชาชนผ่านสื่อโทรทัศน์น่าจะเป็นวิธีที่เห็นผลมากที่สุด เพราะประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุด เช่น สารคดีสั้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีนิวเคลีร์และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สอดแทรกในรายการโทรทัศน์ของช่องต่างๆ
“ต้องปลุกกระแสให้คนไทยตื่นตัววิทยาศาสตร์ไม่ให้แพ้ต่างประเทศ อย่างเกาหลีที่เคยสูสีกันตอนนี้นำหน้าไปไกลแล้ว” นายวุฒิพงศ์กล่าวและเสริมว่าเขาเคยเรียนวิทยาศาสตร์มาบ้างก็รู้ว่าวิทยาศาสตร์มีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะมากมายขนาดนี้ ขณะที่ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เรียนวิทยาศาสตร์อาจยังไม่รู้ ดังนั้นการเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนจึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน.