xs
xsm
sm
md
lg

47 ปี ปส.พร้อมนำไทยสู่ "ยุคพลังงานนิวเคลียร์ที่เป็นมิตร"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปส.- 25 เม.ย.51 ครบรอบสถาปนา 47 ปี สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) องค์กรหลักในการเสนอแนะนโยบายและยุทธศาสตร์ รวมทั้งบริหารจัดการด้านการใช้พลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ

นายเชาว์ รอดทองคำ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เผยว่าประเทศไทยได้เปิดรับวิทยาการด้านนิวเคลียร์มาเป็นเวลานานแล้ว ภายใต้การทำงานของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ หรือ ปส.ซึ่งได้รับการสถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2504 ตามพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ.2504 และพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (ฉบับบที่ 8) พ.ศ.2504 ซึ่งเมื่อแรกก่อตั้งคือ "สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ" และเป็นสมาชิกองค์การด้านพลังงานนิวเคลียร์ระดับโลกคือ ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ)

นอกจากนี้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติยังร่วมลงนามในข้อตกลงต่างๆ ทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลก เช่น สนธิสัญญาว่าด้วยการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่มีจุดมุ่งหมายให้รัฐภาคีที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ห้ามครอบครอง ผลิต หรือหามาซึ่งอาวุธนิวเคลียร์ และห้ามรัฐภาคีที่มีอาวุธนิวเคลียร์ถ่ายโอนอาวุธหรือเครื่องมือประกอบระเบิดนิวเคลียร์อื่นใด สนธฺสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEANWFZ) เพื่อจำกัดอาวุธนิวเคลียร์โดยสิ้นเชิงตามเจตนารมณ์ของสนธิสัญญา NPT

ด้วยความมุ่งมั่นที่สำคัญของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติคือพยายามพัฒนาองค์กรในการดำเนินงานให้ครบถ้วน ตามเจตนารมณ์ของการใช้พลังงานปรมาณูในทางสันติ และเพื่อให้ภารกิจนี้มีความเข้มแข็งมากขึ้น เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2549 สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติจึงได้แยกออกเป็น 2 หน่วยงานคือ "สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ" หรือ ปส. และ "สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)" หรือ สทน.
หลังจากแยกหน่วยงานแล้ว สทน.มีหน้าที่หลักในการวิจัย พัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนดลยีนิวเคลียร์ ส่วน ปส.มีหน้าที่บริหารจัดการเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้พลังงานนิวเคลียร์ ทั้ง 2 หน่วยงานจะดำเนินงานควบคู่กันไป ทั้งนี้เพื่อให้ประเทศไทยมีศักยภาพในด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ทัดเทียมนานาประเทศ และเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์อย่างสูงสุดและปลอดภัยตามมาตรฐานสากล

"มาถึงวันนี้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ได้ก้าวหน้ามาไกลและสร้างคุณประโยชน์ต่อมนุษยชาติอย่างมากมาย ในอดีตเราก้าวหน้าจากยุคถ่านหินมาสู่ยุคน้ำมัน และในอนาคตข้างหน้าพลังงานนิวเคลียร์อาจก้าวขึ้นมาเป็นพลังงานหลักที่มีความสำคัญไม่ต่างจากน้ำมัน วันนี้ภารกิจของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติจึงไม่ใช่เพียงการกำกับดูแลความปลอดภัยของการใช้พลังงานนิวเคลียร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการปูพื้นฐานให้ประเทศไทยพร้อมที่จะก้าวไปสู่ยุคที่พลังงานนิวเคลียร์เป็นเหมือนเพื่อของมนุษย์ต่อไปด้วย" นายเชาว์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น