xs
xsm
sm
md
lg

บกพร่องโดยสุจริตไม่ผิดนะจ๊ะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


∞ สวัสดีวันเสาร์หลังวันเด็กแห่งปีหนูเจ้าค่ะ "ไซน์กระซิบ" กลับมารับหน้าที่ "เม้าท์กระจาย" อย่างเป็นจริงเป็นจังอีกครั้งหนึ่ง เผลอแป๊บเดียว...ก็สวัสดีปีใหม่มาได้เกินครึ่งเดือนซะแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าสัปดาห์นี้มีเรื่อง "เม้าท์ๆ" อะไรบ้าง

∞ สัปดาห์แรกของปี "เดวิด กรอส" นักฟิสิกส์เจ้าของรางวัลโนเบลเมื่อ 3 ปีก่อนได้บินมามาเปิดมิติเรื่อง "ทฤษฎีสตริง" ทฤษฎีใหม่ที่วงการฟิสิกส์เชื่อว่าอาจนำไปพบ "จอกศักดิ์สิทธิ์" แห่งวงการที่อาจรวมแรงและสสารทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ งานนี้เลยได้เห็นนักฟิสิกส์ทั้งรุ่นเล็ก-รุ่นใหญ่เดินทางจากทั่วสารทิศมาร่วมชุมนุมกัน ณ ตึกกลม อาคารเรียนอันศักดิ์สิทธิ์ของ "ชาววิดยามหิดล"

∞ หลายหน่วยงานสรุปผลงานปี 2550 ก่อนก้าวข้ามปีกันไปเรียบร้อยแต่ "สวทช." ไม่ เดิมตั้งท่าไว้ว่าจะแถลงผลงาน 16 ม.ค.นี้แต่ที่สุดก็เลื่อนออกไปเกือบสิ้นเดือน ก็ไม่รู้ว่าเลื่อนไปเพื่อรอนักข่าวหลายสำนักที่กำลังตะลอนทัวร์กันแถวๆ เชียงใหม่หรือเปล่า อีกเรื่องของการสรุปๆ ที่คาบเกี่ยวจากปีที่ผ่านมาคือการสรุป "ข่าวดัง" ของโพลกระทรวงวิทย์ที่ปรากฏว่า "โลกร้อน" ติดโผอันดับหนึ่งซ้อนเป็นปีที่สอง "หนูไซน์" ก็หวังว่านอกจากให้ความสนใจในข่าวแล้วทุกคนจะร่วมให้กันลดสาเหตุของปัญหาด้วยนะจ้ะ ∞

∞ เรื่องข่าวเด่นของข่าวดังในแวดวงวิทย์ๆ ยังไม่จบเพราะ "ดร.ศักรินทร์" แห่ง สวทช.ขวัญใจนักข่าวสาวๆ ผู้ที่รับหน้าที่เปิดเผยผลสำรวจก็เปิดใจกลางงานแถลงข่าวว่าไม่โดนใจที่เรื่อง "จีเอ็มโอ" และ "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์" ไม่ติดโผต้นๆ พร้อมเผยข่าวที่น่าตื่นเต้นมากมายในวงการวิทยาศาสตร์ ทั้งกรณีนักวิทย์ดีเด่นนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกหรือกรณีบริษัทเอกชนออกมาประกาศรับสมัครนักวิทย์ทำงานด้วยเงินเดือนสูงลิ่ว ก็แหม...ผอ.ขาเรื่องแบบนี้นักวิทย์ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดาแต่ชาวบ้านร้านตลาดก็คงได้แต่ทำตาปริบๆ ∞

ควันหลงงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ก่อน นับว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จเลยทีเดียวสำหรับโซนของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เพราะเท่าที่ “หนูไซน์” สังเกตการณ์อยู่ครึ่งค่อนวันก็เห็นเยาวชนตัวน้อยมากหน้าหลายตาสนุกสนานกับของเล่นประเทืองปัญญาที่ช่วยกระตุ้นจินตนาการทางวิทยาศาสตร์ให้เด็กๆ ได้มากมาย บางคนมาไกลจากต่างจังหวัดมุ่งหน้ามาที่งานของ "ก.วิทย์" โดยเฉพาะ เห็นแล้วอดปลื้มแทน “กระทรวงเกรดซี” ไม่ได้ ∞

∞ แถมน้องๆ หลายคนยังหมายมั่นปั้นมือว่าโตขึ้นจะเป็น “นักวิทยาศาสตร์” ให้ได้กันเลยทีเดียว ดูท่าว่าอนาคตของวิทยาศาสตร์ไทยและเด็กไทยคงสดใสไม่น้อย ทว่านอกจากความมุ่งมั่นในตัวเด็กอย่างเดียวยังไม่พอ ผู้ใหญ่ต้องคอยดันอยู่ข้างหลังด้วยนะเจ้าคะ อันนี้ก็ขอฝาก “ผู้ใหญ่” ในประเทศเราเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยเจ้าค่า เพราะตอนนี้วิทยาศาสตร์ในบ้านเรายัง “แคบ” เกินบรรยาย ∞

∞ เขยิบขึ้นไปสูงอีกนิดกับแวดวง "ดาราศาสตร์" อันนี้ก็เช่นเดียวกันที่นักดาราศาสตร์ในบ้านเรานั้นหาตัวจับยากเต็มที แต่ก็น่าดีใจที่บางหน่วยงานอย่าง “ลีซา” ที่ให้การสนับสนุนนักดาราศาสตร์ตัวน้อยๆ ได้จับงานวิจัยของจริงเป็นประสบการณ์นอกรั้วโรงเรียน ทว่าโรงเรียนที่เป็นพื้นฐานการให้ความรู้กับเด็กๆ กลับทำให้เด็กหลายคนต้องหันหลังให้วิทยาศาสตร์กันไปหลายรายแล้ว ผู้ใหญ่หลายคนที่ผ่านประสบการณ์ตรงนั้นมาแล้วเห็นตรงกันว่า “วิทยาศาสตร์ยากเพราะครูทำให้ยาก” นั่นเอง ∞

∞ ได้เวลาทำวิทยาศาสตร์ให้เป็นเรื่องง่าย "ถนนสายวิทยาศาสตร์" ผลงานเด่นของ "ทั่นรัฐมนตรียงยุทธ" กลับมาอีกครั้งเป็นปีที่ 2 โดยเริ่มวันที่ 23-26 ม.ค.นี้ ซึ่งผู้บริหารนักวิจัยก็เปิดใจกลางงานแถลงข่าวว่าจะเป็นงานสุดท้ายภายใต้รัฐบาลชุดนี้ที่ได้แถลงต่อหน้าสื่อมวลชน ทำเอาคนฟังหัวใจสั่นคลอน และงานนี้ผู้บริหารใต้เงากระทรวงก็มากันพร้อมหน้าราวกับจะสั่งลา ไม่รู้ว่าเป็น "ไฟท์บังคับ" หลังจบการประชุมผู้บริหารหรือเปล่า อิอิ∞

∞ อย่างไรก็ดี น้องๆ หนูๆ คุณพ่อ-คุณแม่และคุณครูก็เตรียมแบกเป้-ผูกเชือกรองเท้าผ้าใบเดินหาความรู้วิทย์ๆ แบบ "เอนจอย" กันได้ตั้งแต่ ซ.โยธี จนข้ามฟาก ถ.พระราม 6 ไปยังคณะวิทย์ มหิดล ส่วนใครที่สนใจกระบวนการผลิตยาของ "องค์การเภสัช" ก็ถือเอาโอกาสนี้ได้แต่ต้องจองคิวกันก่อนนะเจ้าคะเพราะเขาเปิดให้เข้าชมแบบเป็นรอบๆ อีกทั้งปีนี้ "องค์การแห่งตึกลูกเต๋า" ยังทำเก๋ด้วยการจัดแข่งขันบิด "รูบิก" ขึ้นเป็นปีในงานนี้ ใครรู้ตัวว่าเป็นเจ้าแห่งความเร็วในการแก้เจ้าลูกบาศก์ประเทืองปัญญาก็อย่าลืมไปแสดงฝีมือให้ชาวยุทธได้รู้จัก

∞ เปิดโรงงานน้ำปลาพา "สื่อ" ไปเยี่ยมชมกระบวนการผลิตเครื่องปรุงรสเด็ดคู่ครัวคนไทย นัยว่าเพื่อเตรียมเปิดตัวหนังสือของนักวิจัยว่าด้วยเรื่อง "น้ำปลาๆ" ในอีกอาทิตย์ถัดมา หากแต่สื่อหลายฉบับก็ไม่อยากเห็นแค่ขั้นตอนหมัก-บรรจุขวดเท่านั้น ด้วยหน้าที่ต้องนำ "สาระวิทย์" ออกมานำเสนอ แต่พยายามแง้มปากท่านนักวิจัยอย่างไรก็ไม่ยอม "แบไต๋" ประเด็นงานวิจัยสักที พร้อมบอกให้อดใจถึงวันเปิดตัวหนังสือแล้วกัน แหม...ต้องรออีกตั้ง 7 วัน "สื่อรายวัน" ก็แทบถอดใจแต่ก็ยังอุตส่าห์มาตามคำขอในฤกษ์เปิดตัวหนังสือ "น้ำปลา แหล่งสารอาหารของชาวเอเชีย" เพื่อถามเรื่องเดิม แต่กลับได้คำตอบว่าให้ไปอ่านกันในหนังสือเพราะมีคำตอบสำหรับทุกคำถามอยู่แล้ว โอ้...แม่เจ้า

∞ ปส.จัดอบรมความรู้นิวเคลียร์ให้เจ้าหน้าที่ "กระทรวงวิทย์" ได้รู้จักรังสีนิวเคลียร์ พร้อมร่อนแฟกซ์เชิญนักข่าวเข้าร่วม แต่พอ "หนูไซน์" ไปถึงกลับเจอคำถามอึ้งๆ ที่เจ้าหน้าที่อาวุโสกระซิบถามกันว่า "เราจ้างมาทำข่าวเหรอ?"...เอ่อ...ก็ไม่รู้ว่าติดสินบนกันจนชินหรือเปล่า "หนูไซน์" เองก็อยากได้ความรู้และเรื่องราวเกี่ยวกับนิวเคลียร์ ก็พยายามตระเวนไปตามแหล่งชุมนุมต่างๆ ทั้งชื่นชมและต่อต้านเทคโนโลยีปรมาณู เพื่อนำมาเล่าสู่ผู้อ่าน ∞

ที่สุดแรงน้ำขิงก็ดันให้สามารถทดสอบ "จีเอ็มโอ" ได้ในระดับแปลงเปิด ทำเอาฝ่ายคัดค้านต้องน้ำตาซึม หากแต่ฝ่ายสนับสนุนยังรู้สึกไม่ถึงใจเพราะมติ ครม.ที่ออกมามันยังติดๆ ขัดๆ เอาพืชดัดแปลงพันธุกรรมโยนลงไร่นาไม่ได้เต็มไม้เต็มมือ เลยตั้งท่าจะให้ทบทวนใหม่ภายในรัฐบาลอาวุโสนี้ ก็เป็นความเห็นที่ออกมาจากข้างเวทีประชุมของ "ไบโอเทค" ที่มีนักวิชาการหลายกระทรวงเข้าร่วมระดมความคิดเห็น ∞ 
∞ แต่ที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็น "พี่ๆ เกษตรกรทั้ง 3" ที่คุ้นหน้าคุ้นตาได้ปสปอนเซอร์จากกลุ่มรักจีเอ็มโอไปเยือนสนามจีเอ็มกันที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งพอกลับมาก็เห็นคุณพี่ๆ เดินสาย เป็นตัวแทนเกษตรกร (ของประเทศ) "โปรจีเอ็มโอ" กันหลายที่ ไม่ว่าเขาจะพูดถึงพืชชนิดไหน พี่ๆ เขาก็เป็นตัวแทนได้หมด (ทั้งที่บางอย่างก็แค่ปลูก 2-3 ต้นหลังบ้าน) ก็ไม่รู้ว่าเพราะลุงทุนไปแล้วหรือเปล่าถึงใช้งานกันซะคุ้ม อันที่จริงน่าจะเปิดโอกาสให้เกษตรกรที่ไม่มีโอกาสนั่งเครื่องไปดูงานข้ามประเทศเขาได้ออกความเห็นบ้างนะเจ้าค่ะ ∞

∞ ผลจากการอนุญาตให้ "จีเอ็มโอ" ลงแปลงเปิดได้ ทำให้หลายฝ่าย "ดีด๊า" พร้อมจ่อคิวร่อน "มะละกอ-มะเขือเทศ" แบบดัดแปลงพันธุ์ลงปลูก แต่รายที่ดูคล้ายจะรอคอยมากที่สุดคงหนีไม่พ้น "นางวิไล ปราสาทศรี" ที่พ้อในทำนองว่าทดลอง "มะละกอแขกดำจีเอ็ม" ได้ผล 100% ในโรงเรือนแต่ต้องถูกระงับไม่ให้ลงแปลงเมื่อปี 2547 เอาเถอะค่ะ...วิจัยกันให้เปรมนะคะ

∞ ให้ "จีเอ็มโอ" ลงแปลงไม่เท่าไหร่หากมีกฎหมายรัดกุม ควบคุมไม่มีให้มีการปนเปื้อน (ไม่ว่าอย่างไรหนูไซน์ขอยืนยันใช้คำนี้เพราะเป็นการปนเปื้อนผสมลงในความบริสุทธิ์ของพันธุกรรมในธรรมชาติ) แต่กลายเป็นว่าหากมีการปนเปื้อนอันเนื่องจาก "พลาดโดยไม่เจตนา" ถือว่าไม่เป็นความผิด โธ่...ไม่รู้ว่าเอาไขสันหลังกำหนดกฎหมายหรืออย่างไร ที่เขาประท้วงปาวๆ ไม่อยากให้ลงแปลงเปิดก็เพราะกังวลกับ "ความผิดโดยไม่เจตนา" นี่แหละเจ้าค่า ∞

∞ ก่อนจากกันไปหลายคนอาจจะยังไม่ว่า "พ.ร.บ.ส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" นั้นผ่านสภาไปตั้งแต่ปลาย พ.ย.50 แล้วจ้า "หนูไซน์" ก็ขอประกาศดังๆ อีกทีให้รู้กันถ้วนหน้า แล้วพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้า หากมีเรื่องอยาก "เม้าท์" ก็กระซิบมาที่ scigossip@gmail.com เช่นเคยนะเจ้าคะ ∞
กำลังโหลดความคิดเห็น