รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์
หน่วยเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
อิทธิพลของการใส่ร้ายป้ายสีและด้อยค่ากัญชา ที่เริ่มมาตั้งแต่เมื่อ 80 กว่าปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ทำให้บางคนหลงเชื่อและออกมาต่อต้านกัญชา จนกระทั่งเมื่อตนเองหรือญาติเจ็บป่วย รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ต้องทุกข์ทรมาน เมื่อมาใช้กัญชาแล้วดีขึ้น ถึงได้รู้ว่าตนถูกหลอก จึงสำนึกผิด และหันกลับมาเป็นผู้สนับสนุนกัญชาอย่างเต็มตัว ประชาชนคนไทยทุกคน ควรปกป้องสิทธิ์ในการปลูกกัญชาของตนอย่างเข้มแข็ง อย่าให้ใครมาปล้นไปอีก
กัญชารับใช้มวลมนุษยชาติมาไม่ต่ำกว่า 10,000 ปี:
หลักฐานจากหลุมฝังศพของหญิงชาวจีนเมื่อหลายพันปีก่อน พบห่อกัญชาข้างกายผู้ป่วยโรคมะเร็ง
บันทึกของจักรพรรดิเซ็นเน็ง ของจีน เมื่อ 4,000 ปีก่อน ระบุกัญชารักษาโรคได้มากกว่า 100 โรค
มีบันทึกสรรพคุณของกัญชาในตำรายาอียิปต์โบราณ เมื่อ 2,500 ปีก่อน
ตำรายาของไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เมื่อ 360 ปีก่อน มีกัญชาเป็นส่วนผสมมากกว่า 90 ตำรับ
อังกฤษและอเมริกาใช้กัญชารักษาโรคมาตั้งแต่ 200 ปีก่อน ยากัญชาวางจำหน่ายทั่วไปโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์
บริษัทยาดังๆ ในปัจจุบัน ตอนนั้นก็ขายยากัญชา
ตำราแพทย์แผนปัจจุบันเล่มแรกของสหรัฐ กล่าวถึงสรรพคุณกัญชาไว้หลายตอน [1]
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีสหรัฐ คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีกัญชา:
เมื่อประมาณ 80 กว่าปีมาแล้ว กลุ่มผู้มีอิทธิพลในสหรัฐมุ่งขจัดกัญชา เพราะเป็นคู่แข่งสำคัญของสินค้าปิโตรเคมี
เริ่มจากการส่งญาติของตนชื่อ นายแฮรี่ แอนสลิงเกอร์ ไปดูแล งานด้านยาเสพติด
เปลี่ยนชื่อกัญชา จากเดิม คือ แคนาบีส หรือ เฮมพ์ กลายมาเป็น มารีฮวนน่า
เพื่อทำให้คนรู้สึกว่าเป็นของคนส่วนน้อย ชาวละตินอเมริกา และคนอเมริกันก็เหยียดผิวอยู่แล้ว
มีการสร้างภาพยนตร์ เรื่อง รีฟเฟอร์แมดเนส (กัญชาทำให้บ้า) และใช้สื่อต่างๆ ตอกย้ำบ่อยๆ
กล่าวหากัญชาว่า เป็นยาเสพติด ทำลายสมอง ทำให้คุ้มคลั่ง เป็นโรคจิต ก่ออาชญากรรม โดดตึก ฆ่าตัวตาย ฆ่าตัดคอ
คนผิวดำเสพกัญชา แล้วไปข่มขืนเด็กผู้หญิงผิวขาว
กัญชาทำลายสมองเยาวชน ฯลฯ
พอคนหลงเชื่อ รัฐบาลกลางก็ออกกฎหมายจัดให้กัญชาเป็นยาเสพติด ที่มีอันตรายร้ายแรงที่สุด เทียบเท่าเฮโรอีน
ห้ามปลูก ห้ามใช้ ถอนชื่อกัญชา ออกจากตำรับเภสัช
จับเอาคนที่ฝ่าฝืนไปขังคุกจำนวนมาก ทั้งๆ ที่ไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดๆ
ตอนนั้นสมาคมแพทย์อเมริกันพยายามคัดค้าน แต่ไม่สำเร็จ
เมื่อทำสำเร็จที่สหรัฐ นายแฮรี่ แอนสลิงเกอร์ ก็รุกคืบต่อไปที่สหประชาชาติ
ใช้กระบวนการล็อบบี้อย่างหนัก ให้ทุกประเทศยอมรับมติ จัดให้กัญชาเป็นยาเสพติด เมื่อ 61 ปีมาแล้ว
ผู้ป่วยและหมอพื้นบ้านที่ใช้กัญชารักษาโรคอยู่จึงได้รับผลกระทบไปทั่วโลก
แม้ว่าในปัจจุบันหลายมลรัฐของสหรัฐ และในอีกหลายประเทศ มีการแก้กฎหมายให้ใช้กัญชารักษาโรคได้แล้ว
แต่ยังคงมีการสร้างข้อมูลเท็จ ใช้ข้อมูลที่มีอคติ มาโจมตีกัญชาอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำอยู่บ่อยๆ
เพื่อทำให้แพทย์และประชาชนกลัวและไม่กล้าใช้กัญชารักษาโรค [1][2]
เหยื่อคนหนึ่งที่ถูกหลอก คือ นายด๊อค เบ้นช์ อดีตผู้พิพากษา แห่งมลรัฐฟอริดา:
อดีตผู้พิพากษาแห่งมลรัฐฟอริดา ชื่อ นายด๊อค เบ้นช์ (Doug Bench) เคยพิพากษา คดีกัญชา ตัดสินจำคุกคนไปมากกว่า 300 คน
ต่อมาตนเองป่วยหนัก ด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ขั้นสุดท้าย เพราะเคยสูบบุหรี่จัด สมัยเป็นหนุ่ม
รักษาแบบแผนปัจจุบันก็ไม่ดีขึ้น หมอบอกว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่เกิน 2 ปี
ภรรยาไปหายากัญชามาจากมลรัฐโคโลราโดมาให้ เขาก็ไม่ยอมใช้
เพราะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ขัดกับอาชีพของตน และคิดว่าเป็นสิ่งอันตราย
แต่สุดท้ายก็ต้องยอมใช้ เพราะภรรยาขู่ว่า ถ้าไม่ยอม เธอจะทิ้งเขาไป
หลังจากใช้กัญชารักษา เขามีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ จนแพทย์ประจำตัวเขา ประหลาดใจมากว่า ทำไมเขายังไม่ตาย
นายด๊อค เบ้นช์ ได้สุขภาพที่ดีกลับคืนมา และรอดชีวิตจากโรคร้าย
เขาและภรรยาจึงเป็นผู้นำในการเคลื่อนไหวให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน และผลักดันให้มลรัฐฟอริดาแก้กฎหมายยาเสพติดจนสำเร็จ
ปัจจุบันเขาจัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกัญชาให้แก่ประชาชนที่เจ็บป่วยอย่างต่อเนื่อง
เขาสารภาพว่า เพื่อเป็นการ “ไถ่บาป” ที่เคยพิพากษา ตัดสินคดี เอาคนที่เจ็บป่วยเอาไปขังคุกจำนวนมาก [3][4]
ถ้ากัญชาเป็นยาเสพติด คนไทยต้องเตรียมเงินไว้ประกันตัว 10,000 ถึง 300,000 บาท:
ผู้ที่เสียประโยชน์ยังคงความพยายามใส่ร้ายป้ายสีกัญชาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ประชาชนพึ่งตนเอง
พยายามทำลายชื่อเสียงกัญชา โดยการเอากัญชาสังเคราะห์อันตรายมาขาย
และเอายาฆ่าหญ้า เช่น พาราควอต ไปฉีดใส่กัญชาธรรมชาติ [5]
การปลูกกัญชาไว้ใช้เอง จึงจะช่วยป้องกันอันตรายดังกล่าวได้
แต่ถ้าเขาทำให้กัญชาถูกจัดให้เป็นยาเสพติดได้สำเร็จอย่างที่ประกาศไว้จริง
ก็ให้ประชาชนเตรียมเงินไว้เป็นค่าประกันตัวไว้เลย เวลาถูกตำรวจจับกุม
ข้อหาครอบครองกัญชา ต้องจ่ายค่าประกันตัว 10,000 ถึง 100,000 บาท
ข้อหาจำหน่ายกัญชา ต้องจ่ายค่าประกันตัว ตั้งแต่ 300,000 บาท ขึ้นไป [6]
ข้อคิดปิดท้าย:
กัญชามีประโยชน์มากมายมหาศาล ในการป้องกันและรักษาโรค [7][8][9]
การโจมตีกัญชา เพื่อจัดให้กัญชา “กลับไปเป็นยาเสพติด” เป็น “บาปกรรม” หนัก
ประชาชนคนไทยทุกคน ควรปกป้องสิทธิ์ในการ “ปลูกกัญชา” ของตนอย่างเข้มแข็ง
อย่าให้ใครมาปล้นไปอีก
เพราะนี่จะเป็นการ “ปล้นทั้งเงิน” และ “ปล้นสุขภาพ” ของเราไป !
เอกสารอ้างอิง:
[1] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. ประชาชนจะเชื่อใครดี ในยุค “สงครามข่าวสาร” ต่อต้านกัญชา.
ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 5 มีนาคม พ.ศ.2566.
https://mgronline.com/daily/detail/9660000020951
[2] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. “หมอปัตพงษ์” ชี้ เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด คือ “การทำร้ายเด็ก”. ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 13 มีนาคม พ.ศ.2566.
https://mgronline.com/qol/detail/9660000023705
[3] ProjectCBD. Live interview: Judge Doug Bench on his Medical Cannabis Awakening.
https://www.youtube.com/watch?v=ilrajg4xUyk
[4] Doug Bench and Jan Bench.
https://rethinkgreen.org
[5] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. “หมอปัตพงษ์” เตือนประชาชนระวังอันตรายจากกัญชาสังเคราะห์.ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 26 ธันวาคม พ.ศ. 2565.
https://mgronline.com/qol/detail/9650000122714
[6] สำนักงานกฎหมายณัฐภัทร. จำนวนเงินประกันตัว ของผู้ต้องหาหรือจำเลย ในฐานความผิดเกี่ยวกับ ยาเสพติด.
https://tinyurl.com/mrn9ymnv
[7] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. “หมอปัตพงษ์” เผยความรู้ใหม่กินกัญชาสด มีสรรพคุณรักษาบรรเทาโรคหลายอย่างโดยไม่ทำให้เมา. ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 20 พ.ย. 2565.
https://mgronline.com/qol/detail/9650000110686
[8] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. ยาสกัดจากกัญชารักษาได้ 34 โรค จริงหรือไม่.
ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 29 มกราคม พ.ศ.2566.
https://mgronline.com/daily/detail/9660000008979
[9] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. “หมอปัตพงษ์” แนะคนไทยทุกบ้านควรปลูกกัญชาเพื่อป้องกันโรคมะเร็ง. ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 15 เม.ย. 2566.
https://mgronline.com/qol/detail/9660000035055
หน่วยเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
อิทธิพลของการใส่ร้ายป้ายสีและด้อยค่ากัญชา ที่เริ่มมาตั้งแต่เมื่อ 80 กว่าปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ทำให้บางคนหลงเชื่อและออกมาต่อต้านกัญชา จนกระทั่งเมื่อตนเองหรือญาติเจ็บป่วย รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ต้องทุกข์ทรมาน เมื่อมาใช้กัญชาแล้วดีขึ้น ถึงได้รู้ว่าตนถูกหลอก จึงสำนึกผิด และหันกลับมาเป็นผู้สนับสนุนกัญชาอย่างเต็มตัว ประชาชนคนไทยทุกคน ควรปกป้องสิทธิ์ในการปลูกกัญชาของตนอย่างเข้มแข็ง อย่าให้ใครมาปล้นไปอีก
กัญชารับใช้มวลมนุษยชาติมาไม่ต่ำกว่า 10,000 ปี:
หลักฐานจากหลุมฝังศพของหญิงชาวจีนเมื่อหลายพันปีก่อน พบห่อกัญชาข้างกายผู้ป่วยโรคมะเร็ง
บันทึกของจักรพรรดิเซ็นเน็ง ของจีน เมื่อ 4,000 ปีก่อน ระบุกัญชารักษาโรคได้มากกว่า 100 โรค
มีบันทึกสรรพคุณของกัญชาในตำรายาอียิปต์โบราณ เมื่อ 2,500 ปีก่อน
ตำรายาของไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เมื่อ 360 ปีก่อน มีกัญชาเป็นส่วนผสมมากกว่า 90 ตำรับ
อังกฤษและอเมริกาใช้กัญชารักษาโรคมาตั้งแต่ 200 ปีก่อน ยากัญชาวางจำหน่ายทั่วไปโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์
บริษัทยาดังๆ ในปัจจุบัน ตอนนั้นก็ขายยากัญชา
ตำราแพทย์แผนปัจจุบันเล่มแรกของสหรัฐ กล่าวถึงสรรพคุณกัญชาไว้หลายตอน [1]
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีสหรัฐ คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีกัญชา:
เมื่อประมาณ 80 กว่าปีมาแล้ว กลุ่มผู้มีอิทธิพลในสหรัฐมุ่งขจัดกัญชา เพราะเป็นคู่แข่งสำคัญของสินค้าปิโตรเคมี
เริ่มจากการส่งญาติของตนชื่อ นายแฮรี่ แอนสลิงเกอร์ ไปดูแล งานด้านยาเสพติด
เปลี่ยนชื่อกัญชา จากเดิม คือ แคนาบีส หรือ เฮมพ์ กลายมาเป็น มารีฮวนน่า
เพื่อทำให้คนรู้สึกว่าเป็นของคนส่วนน้อย ชาวละตินอเมริกา และคนอเมริกันก็เหยียดผิวอยู่แล้ว
มีการสร้างภาพยนตร์ เรื่อง รีฟเฟอร์แมดเนส (กัญชาทำให้บ้า) และใช้สื่อต่างๆ ตอกย้ำบ่อยๆ
กล่าวหากัญชาว่า เป็นยาเสพติด ทำลายสมอง ทำให้คุ้มคลั่ง เป็นโรคจิต ก่ออาชญากรรม โดดตึก ฆ่าตัวตาย ฆ่าตัดคอ
คนผิวดำเสพกัญชา แล้วไปข่มขืนเด็กผู้หญิงผิวขาว
กัญชาทำลายสมองเยาวชน ฯลฯ
พอคนหลงเชื่อ รัฐบาลกลางก็ออกกฎหมายจัดให้กัญชาเป็นยาเสพติด ที่มีอันตรายร้ายแรงที่สุด เทียบเท่าเฮโรอีน
ห้ามปลูก ห้ามใช้ ถอนชื่อกัญชา ออกจากตำรับเภสัช
จับเอาคนที่ฝ่าฝืนไปขังคุกจำนวนมาก ทั้งๆ ที่ไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดๆ
ตอนนั้นสมาคมแพทย์อเมริกันพยายามคัดค้าน แต่ไม่สำเร็จ
เมื่อทำสำเร็จที่สหรัฐ นายแฮรี่ แอนสลิงเกอร์ ก็รุกคืบต่อไปที่สหประชาชาติ
ใช้กระบวนการล็อบบี้อย่างหนัก ให้ทุกประเทศยอมรับมติ จัดให้กัญชาเป็นยาเสพติด เมื่อ 61 ปีมาแล้ว
ผู้ป่วยและหมอพื้นบ้านที่ใช้กัญชารักษาโรคอยู่จึงได้รับผลกระทบไปทั่วโลก
แม้ว่าในปัจจุบันหลายมลรัฐของสหรัฐ และในอีกหลายประเทศ มีการแก้กฎหมายให้ใช้กัญชารักษาโรคได้แล้ว
แต่ยังคงมีการสร้างข้อมูลเท็จ ใช้ข้อมูลที่มีอคติ มาโจมตีกัญชาอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำอยู่บ่อยๆ
เพื่อทำให้แพทย์และประชาชนกลัวและไม่กล้าใช้กัญชารักษาโรค [1][2]
เหยื่อคนหนึ่งที่ถูกหลอก คือ นายด๊อค เบ้นช์ อดีตผู้พิพากษา แห่งมลรัฐฟอริดา:
อดีตผู้พิพากษาแห่งมลรัฐฟอริดา ชื่อ นายด๊อค เบ้นช์ (Doug Bench) เคยพิพากษา คดีกัญชา ตัดสินจำคุกคนไปมากกว่า 300 คน
ต่อมาตนเองป่วยหนัก ด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ขั้นสุดท้าย เพราะเคยสูบบุหรี่จัด สมัยเป็นหนุ่ม
รักษาแบบแผนปัจจุบันก็ไม่ดีขึ้น หมอบอกว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่เกิน 2 ปี
ภรรยาไปหายากัญชามาจากมลรัฐโคโลราโดมาให้ เขาก็ไม่ยอมใช้
เพราะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ขัดกับอาชีพของตน และคิดว่าเป็นสิ่งอันตราย
แต่สุดท้ายก็ต้องยอมใช้ เพราะภรรยาขู่ว่า ถ้าไม่ยอม เธอจะทิ้งเขาไป
หลังจากใช้กัญชารักษา เขามีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ จนแพทย์ประจำตัวเขา ประหลาดใจมากว่า ทำไมเขายังไม่ตาย
นายด๊อค เบ้นช์ ได้สุขภาพที่ดีกลับคืนมา และรอดชีวิตจากโรคร้าย
เขาและภรรยาจึงเป็นผู้นำในการเคลื่อนไหวให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน และผลักดันให้มลรัฐฟอริดาแก้กฎหมายยาเสพติดจนสำเร็จ
ปัจจุบันเขาจัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกัญชาให้แก่ประชาชนที่เจ็บป่วยอย่างต่อเนื่อง
เขาสารภาพว่า เพื่อเป็นการ “ไถ่บาป” ที่เคยพิพากษา ตัดสินคดี เอาคนที่เจ็บป่วยเอาไปขังคุกจำนวนมาก [3][4]
ถ้ากัญชาเป็นยาเสพติด คนไทยต้องเตรียมเงินไว้ประกันตัว 10,000 ถึง 300,000 บาท:
ผู้ที่เสียประโยชน์ยังคงความพยายามใส่ร้ายป้ายสีกัญชาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ประชาชนพึ่งตนเอง
พยายามทำลายชื่อเสียงกัญชา โดยการเอากัญชาสังเคราะห์อันตรายมาขาย
และเอายาฆ่าหญ้า เช่น พาราควอต ไปฉีดใส่กัญชาธรรมชาติ [5]
การปลูกกัญชาไว้ใช้เอง จึงจะช่วยป้องกันอันตรายดังกล่าวได้
แต่ถ้าเขาทำให้กัญชาถูกจัดให้เป็นยาเสพติดได้สำเร็จอย่างที่ประกาศไว้จริง
ก็ให้ประชาชนเตรียมเงินไว้เป็นค่าประกันตัวไว้เลย เวลาถูกตำรวจจับกุม
ข้อหาครอบครองกัญชา ต้องจ่ายค่าประกันตัว 10,000 ถึง 100,000 บาท
ข้อหาจำหน่ายกัญชา ต้องจ่ายค่าประกันตัว ตั้งแต่ 300,000 บาท ขึ้นไป [6]
ข้อคิดปิดท้าย:
กัญชามีประโยชน์มากมายมหาศาล ในการป้องกันและรักษาโรค [7][8][9]
การโจมตีกัญชา เพื่อจัดให้กัญชา “กลับไปเป็นยาเสพติด” เป็น “บาปกรรม” หนัก
ประชาชนคนไทยทุกคน ควรปกป้องสิทธิ์ในการ “ปลูกกัญชา” ของตนอย่างเข้มแข็ง
อย่าให้ใครมาปล้นไปอีก
เพราะนี่จะเป็นการ “ปล้นทั้งเงิน” และ “ปล้นสุขภาพ” ของเราไป !
เอกสารอ้างอิง:
[1] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. ประชาชนจะเชื่อใครดี ในยุค “สงครามข่าวสาร” ต่อต้านกัญชา.
ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 5 มีนาคม พ.ศ.2566.
https://mgronline.com/daily/detail/9660000020951
[2] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. “หมอปัตพงษ์” ชี้ เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด คือ “การทำร้ายเด็ก”. ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 13 มีนาคม พ.ศ.2566.
https://mgronline.com/qol/detail/9660000023705
[3] ProjectCBD. Live interview: Judge Doug Bench on his Medical Cannabis Awakening.
https://www.youtube.com/watch?v=ilrajg4xUyk
[4] Doug Bench and Jan Bench.
https://rethinkgreen.org
[5] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. “หมอปัตพงษ์” เตือนประชาชนระวังอันตรายจากกัญชาสังเคราะห์.ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 26 ธันวาคม พ.ศ. 2565.
https://mgronline.com/qol/detail/9650000122714
[6] สำนักงานกฎหมายณัฐภัทร. จำนวนเงินประกันตัว ของผู้ต้องหาหรือจำเลย ในฐานความผิดเกี่ยวกับ ยาเสพติด.
https://tinyurl.com/mrn9ymnv
[7] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. “หมอปัตพงษ์” เผยความรู้ใหม่กินกัญชาสด มีสรรพคุณรักษาบรรเทาโรคหลายอย่างโดยไม่ทำให้เมา. ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 20 พ.ย. 2565.
https://mgronline.com/qol/detail/9650000110686
[8] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. ยาสกัดจากกัญชารักษาได้ 34 โรค จริงหรือไม่.
ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 29 มกราคม พ.ศ.2566.
https://mgronline.com/daily/detail/9660000008979
[9] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. “หมอปัตพงษ์” แนะคนไทยทุกบ้านควรปลูกกัญชาเพื่อป้องกันโรคมะเร็ง. ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 15 เม.ย. 2566.
https://mgronline.com/qol/detail/9660000035055