รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์
หน่วยเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรบ.กัญชากัญชง
“สงครามข่าวสาร”ต่อต้านกัญชาเคยเริ่มต้นเมื่อ 80 กว่าปีก่อน เพื่อทำลายชื่อเสียงของกัญชา พอประชาชนหลงเชื่อก็ออกกฎหมายจัดให้เป็นยาเสพติด เพื่อขจัดคู่แข่งของสินค้าปิโตรเคมีและยาเคมี แต่ต่อมาประชาชนรู้ทัน และกดดันให้นักการเมืองแก้กฎหมาย ถอดถอนกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ทำให้ฝ่ายที่เสียผลประโยชน์ต้องออกมาทำ “สงครามข่าวสาร” เรื่องกัญชาอีกครั้ง เพื่อทำให้ประชาชนเห็น “ดอกบัว” เป็น “กงจักร” ถ้าเขาทำสำเร็จ กัญชาจะถูกจัดให้เป็น “ยาเสพติด”อีกครั้ง
กัญชาถูกจัดให้เป็นยาเสพติดเพราะเหตุผลทางธุรกิจ:
กัญชารับใช้มวลมนุษยชาติมามากกว่า 10,000 ปี เป็นทั้งยารักษาโรค อาหารคน อาหารสัตว์ ใช้ทำเครื่องใช้ต่างๆ บางอารยธรรมใช้กัญชาในพิธีกรรมทางศาสนา
จนเมื่อเพียงประมาณ 80 กว่าปีมานี้เอง ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นพยายามทำลายชื่อเสียงของกัญชา โดยการสร้างข้อมูลเท็จ กุข่าว ประโคมข่าว กล่าวหาว่าเป็นยาเสพติด ทำให้เป็นโรคจิต ก่ออาชญากรรม ก่อโรคต่างๆ สารพัด [1]
กัญชาถูกสร้างภาพให้เป็น “ปีศาจร้าย” ตอกย้ำซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อประชาชนหลงเชื่อ ก็ออกกฎหมายจัดให้กัญชาเป็นยาเสพติด และปลดชื่อ กัญชา ออกจาก “ตำรับยา”
หลังจากนั้นก็ไปผลักดันต่อที่สหประชาชาติ โดยการล็อบบี้ให้ทุกประเทศทำตาม
เหตุผลที่แท้จริงของการจัดให้กัญชาเป็นยาเสพติด คือ การมุ่งขจัดสินค้าที่เป็นคู่แข่งออกไป เพราะผู้มีอิทธิพลของอเมริกาในยุคนั้น กำลังทำกำไรอย่างมหาศาลจากผลิตภัณฑ์สินค้าปิโตรเคมี พลาสติก สารเคมี ยาเคมี กระดาษ เป็นต้น
เพราะสินค้าเหล่านี้ กัญชา “ทดแทน” ได้ทั้งหมด
แม้กัญชาถูกจัดให้เป็นยาเสพติด ห้ามปลูก ห้ามใช้ ห้ามจำหน่าย แต่กัญชาก็ไม่ได้หายไปจากสังคมแต่อย่างใด
ประชาชนจำนวนมากยังคงแอบใช้กัญชาอย่างผิดกฎหมาย หลบๆซ่อนๆ
เพราะได้ประโยชน์จากกัญชา ที่สืบทอดมาจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษอย่างยาวนาน
อินเทอร์เน็ตทำให้คนรู้ทัน กดดันให้นักการเมืองแก้กฎหมายยาเสพติด:
อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้น ทำให้ข้อมูลเรื่อง “ประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชา” ข่าวเรื่องผู้ป่วยหายจากโรคร้ายและความทุกข์ทรมาน ถูกเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง
เมื่อคนจำนวนมากรู้ว่า “ถูกหลอก” จึงพากัน “กดดันนักการเมือง” ให้แก้กฎหมายยาเสพติดหรือผ่อนปรนการบังคับใช้ ทำให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาได้อีกครั้ง รวม 85 ประเทศหรือเขตการปกครอง [2]
สิ่งเหล่านี้ไปกระทบกับ “ผลประโยชน์”ของคนบางกลุ่มในสังคมอย่างมากมาย
สงครามข่าวสาร “ต่อต้านกัญชา” ยุคใหม่:
คนที่เสียประโยชน์ จึงต้อง “ดิ้นรน”อย่างสุดฤทธิ์ โดยทำให้ประชาชนเห็นว่า กัญชาเป็น “ปีศาจร้าย” เพื่อรักษาผลประโยชน์ “แสนล้าน”ของตน
มุขเดิมๆที่เคยใช้เมื่อ 80 กว่าปีมาแล้ว กำลังถูกนำมาใช้อีกครั้ง
ด้วยการสร้างข้อมูลเท็จ กุข่าว ประโคมข่าว กล่าวหาสารพัด เพื่อทำลายชื่อเสียง และด้อยค่ากัญชา หลายครั้งโดยการอ้างคนมีชื่อเสียงในสังคม หลายครั้งโดยการโกหกแบบโต้งๆ หลายครั้งโดยการอ้างงานวิจัยที่มีอคติ
เช่น กล่าวหาว่า กัญชาทำให้เด็กสมองฝ่อ ไอคิวต่ำ เป็นโรคเส้นเลือดสมอง เป็นอัมพาต เป็นโรคหัวใจ เป็นโรคจิต เป็นโรคอารมณ์สองขั้ว ฆ่าตัวตาย เป็นโรคมะเร็ง เป็นหมัน ก่ออุบัติเหตุ ฯลฯ
เรียกได้ว่า มี “โรค” อะไรบนโลกนี้ แทบจะถูกโยนกลองว่า “เกิดจากกัญชา” ทั้งหมด
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง นายโจเซฟ กอบเบลส์ นักโฆษณาชวนเชื่อของนาซีเยอรมัน ใช้วิธีการ “โกหกซ้ำๆ ตอกย้ำบ่อยๆ” ทำให้คนหลงเชื่อและคล้อยตาม [3]
ทำให้ผู้คนเห็น “ดอกบัว”ที่สวยงาม เป็น “กงจักร”อันตรายร้ายแรง ได้
แต่ “คำโกหก”เรื่องกัญชาเหล่านี้ “ถูกหักล้าง”แล้ว ด้วยงานวิจัยที่ไม่มีอคติ [4][5]
ความจริงของกัญชา:
ทุกคนลองตอบคำถามต่อไปนี้
ทำไม 85 ประเทศต่างๆจึงพากันแก้กฎหมายยาเสพติดหรือผ่อนปรนการบังคับใช้ ยอมปล่อยกัญชาให้มี “อิสรภาพ” มารับใช้ผู้คน ?
ทำไม มลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ ที่แก้กฎหมายกัญชามาแล้ว 27 ปี จึงไม่เกิดปัญหา จนต้องแก้กฎหมายเอากัญชา “กลับไปเป็นยาเสพติดอีก” แต่กลับแก้กฎหมายอีกครั้ง เพื่อให้ใช้กัญชาแบบ “นันทนาการ” ได้ เช่นเดียวกับอีก 23 มลรัฐ/เขต ?
ทำไมศาลฎีกาของประเทศแคนาดา, เม็กซิโก และอาฟริกาใต้ จึงตัดสินคดีว่า “การปลูก” และ “ครอบครองกัญชา” เป็นสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญ ? [6][7][8]
ทำไม ประเทศเหล่านี้ ไม่สนใจเลยหรือว่า กัญชาจะทำร้ายผู้คนในสังคม แบบที่ประโคมข่าวกัน ?
“ความจริง” ก็คือ ประเทศเหล่านี้ มองเห็นอย่างประจักษ์ชัดแล้วว่า กัญชา “มีประโยชน์” มหาศาล ทั้งทางการแพทย์ ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม [9][10]
“ข้อเสีย” ของกัญชา เขาก็เห็น เช่น ทำให้ “ง่วงเมา” ถ้าใช้เกินขนาด แต่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ จัดการได้ คนที่เคยเมาก็จะเข็ดขยาด เกิดการเรียนรู้ ไม่ใช้เกินขนาดอีก
นั่นคือ กัญชามี “ประโยชน์”มากกว่า “โทษ” อย่างมากมาย
“โทษ” ที่อาจจะเกิด ก็สามารถจัดการป้องกันและลดผลกระทบในวงกว้างได้
ข้อสังเกตปิดท้าย:
สงครามข่าวสาร เรื่อง กัญชา ที่เคยเริ่มต้นเมื่อ 80 ปีมาแล้ว กำลังถูกนำมาใช้อีกครั้ง เพื่อปกป้องผลประโยชน์แสนล้าน โดยมุ่งไปที่การเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด
เป้าหมายสุดท้าย คือ ทำให้ประชาชนคนไทยยังคงเป็นเบี้ยล่าง ที่ต้อง “พึ่งพาต่างชาติด้านยา” ตลอดไป
ถ้าเขาทำสำเร็จ สิ่งที่เราจะเห็น คือ คนไทยต้องทำงานหนักทั้งชีวิต หาเงินไว้มากมาย เอามาจ่ายค่ายาแพงๆ เวลาเจ็บป่วยด้วยโรคร้าย
แล้วก็ตายจากไปอย่างไร้ค่า !
เอกสารอ้างอิง:
[1] https://www.history.com/topics/crime/history-of-marijuana
[2] https://en.wikipedia.org/wiki/Legality_of_cannabis
[3] https://en.wikipedia.org/wiki/Joseph_Goebbels
[4] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. ผลกระทบของนโยบายกัญชาเสรีต่อเด็กและเยาวชน:บทเรียนจากนานาชาติ. เอกสารวิชาการหลักในงานสมัชชาการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ. ประจำปี 2565. วันที่ 14 กันยายน 2565. กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
.https://www.dcy.go.th/content/1636517892439/1663055417715
[5] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. “หมอปัตพงษ์” เตือนประชาชนระวังอันตรายจากกัญชาสังเคราะห์.ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 26 ธันวาคม พ.ศ. 2565.
https://mgronline.com/qol/detail/9650000122714
[6] https://en.wikipedia.org/wiki/Legal_history_of_cannabis_in_Canada
[7] https://en.wikipedia.org/wiki/Cannabis_in_Mexico
[8 ]https://en.wikipedia.org/wiki/Cannabis_in_South_Africa
[9] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. ยาสกัดจากกัญชารักษาได้ 34 โรค จริงหรือไม่.
ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 29 มกราคม พ.ศ.2566.
https://mgronline.com/daily/detail/9660000008979
[10] ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. การให้คนไทยได้ปลูกกัญชา คือ การใส่เงินในประเป๋าประชาชน อย่างน้อย 40,000 ล้านบาทต่อปี. ผู้จัดการออนไลน์. เผยแพร่: 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566.
https://mgronline.com/qol/detail/9660000015845