กรมการแพทย์ย้ำกลุ่ม 608 ติดโควิดเข้าข่ายอาการสีเหลือง ใช้สิทธิ UCEP Plus เข้ารักษานอน รพ.ได้ทุกที่ รพ.ไม่มีสิทธิปฏิเสธ หากเตียงเต็มต้องประสานเครือข่ายดูแล ส่วนจะนอนหรือไม่นอน รพ.ให้ประเมินอาการร่วมกับแพทย์ เผยสถานการณ์เตียงสีเหลืองระดับ 2 ยังมีเพียงพอรองรับ อาจตึงแค่บางจังหวัด หากอัตราครองเตียงเกิน 80% ให้เพิ่มเตียง
เมื่อวันที่ 1 เม.ย. นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ แถลงการดูแลรักษาโควิด 19 กลุ่ม 608 ว่า ขณะนี้สถานการณ์ติดเชื้อโควิด 19 ค่อนข้างมาก ทำให้การเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตอาจจะแกว่งตัวในช่วงนี้สักระยะ อย่างไรก็ตาม พบว่าบางรายที่มีผลตรวจ ATK เป็นบวกอาจจะไม่ได้เข้ารักษาใน รพ. สำหรับวันนี้รายงานเสียชีวิต 92 ราย เป็นนิวไฮของระลอก "โอมิครอน" โดยเป็นกลุ่ม 608 ถึง 93% ทั้งนี้ ขอชี้แจงเรื่องแนวทางการดูแลรักษาว่า กลุ่ม 608 คือ สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีโรคประจำตัว และหญิงตั้งครรภ์ ถือเป็นกลุ่มสีเหลือง หากติดโควิดสามารถใช้สิทธิ UCEP Plus เข้า รพ.ได้ทุกแห่ง ไป รพ.เอกชนก็ได้ ซึ่งตามกฎหมาย รพ.ไม่มีสิทธิปฏิเสธคนไข้
สำหรับสถานการณ์เตียงโควิดสีเหลือง คือ เตียงระดับ 2.1 และ 2.2 ภาพรวมพบว่า ทุกเขตสุขภาพมีเตียงเพียงพอ ถ้ากลุ่ม 608 ต้องแอดมิทก็แอดมิทได้ ส่วนรายจังหวัดหากดู 10 จังหวัดที่ติดเชื้อสูงสุดก็ยังมีเตียงระดับ 2.1 และ 2.2 เพียงพอ ยกเว้นบางจังหวัดที่อาจมีการตึงตัวบ้าง เช่น "สงขลา" ที่เตียงสีเหลืองมีอัตราการครองเตียงเกิน 50% ขึ้นไป ซึ่งผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต้องบริหารจัดการ ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือ รพ.ทุกภาคีเครือข่ายช่วยกันรับผู้ป่วยกลุ่ม 608 ซึ่งนายกฯ ก็มีนโยบายออกมาแล้ว และหากเตียงเริ่มตึงต้องขยายเตียง ส่วนเรื่องยารักษานั้น ตามแนวทางการรักษาฉบับล่าสุด หากเป็นกลุ่มมีอาการเล็กน้อย แต่ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีความเสี่ยงรุนแรง พิจารณาให้ยาฟาวิพิราเวียร์ โดยเริ่มยาให้เร็วที่สุด ส่วนมีอาการรุนแรงสามารถพิจารณาให้เรมดิซิเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ และแพกซ์โลวิดได้ ซึ่งเรากระจายยาโมลนูพิราเวียร์ไป รพ.ต่างๆ แล้ว 5 หมื่นคอร์ส ส่วนแพกซ์โลวิดอีก 5 หมื่นคอร์สจะกระจายก่อนสงกรานต์
"วัคซีนจะช่วยลดความรุนแรงได้ รวมถึงในเด็กด้วยที่เริ่มมีการเสียชีวิตมากขึ้น ดังนั้น ถ้าเข้าเกณฑ์ฉีดวัคซีนก็ให้ไปฉีด และช่วงสงกรานต์ที่กลับไปเยี่ยมผู้สูงอายุ เน้นย้ำมาตรการป้องกันโรค อย่าเพิ่งจัดงานสัมผัสใกล้ชิดที่ถอดหน้ากากมากๆ จะช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อ โอกาสเจออาการรุนแรงก็น้อยลง" นพ.สมศักดิ์กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีมีการใช้เตียงระดับ 1 จำนวนมาก เช่น ชลบุรีเกิน 100% จะกระทบการเข้าถึงเตียงของผู้ป่วยกลุ่ม 608 หรือไม่ เพราะบาง รพ.ก็ไม่รับกลุ่ม 608 นพ.สมศักดิ์กล่าวว่า อย่างชลบุรีที่เกิน 100% คือเตียงระดับ 1 สีเขียว ซึ่งอาจมีส่วนของ CI และโฮเทล ไอโซเลชันด้วย ส่วนเตียงระดับ 2 และ 3 ไม่มีปัญหา ส่วนสงขลามีปัญหาเตียงระดับ 3 ที่มากกว่า 90% ต้องขอความร่วมมือเอกชน รพ.มหาวิทยาลัย ช่วยกันรับคนไข้ ส่วนการรับผู้ป่วยเตียงสีเขียว หากไม่มีข้อบ่งชี้ไม่อยากให้นอน รพ. ซึ่งสามารถใช้การรักษาที่บ้านได้ แต่เราเข้าใจเพราะไม่ได้มีแค่มิติทางการแพทย์ แต่มีเรื่องเบิกประกันที่อาจมีข้อกำหนดต้องตรวจ RT-PCR หรือนอนใน รพ. ก็พยายามยืดหยุ่นตรงไหนที่แมตช์ความต้องการ แต่ต้องเน้นเรื่องการดูแลสุขภาพเป็นสำคัญ โดยย้ำว่ากลุ่มสีเขียวไม่ควรมานอนเตียงระดับ 2 และ 3
สำหรับกลุ่ม 608 มีความเสี่ยงจะป่วยหนัก รุนแรง และเสียชีวิต เราจึงเปิดให้กลุ่มนี้เป็นกลุ่มอาการสีเหลืองใช้ UCEP Plus ได้ และแอดมิทไว้ได้ก่อน ซึ่งการจะเข้านอน รพ.เบื้องต้นกลุ่ม 608 มีสิทธิที่จะนอนตามกฎหมาย ส่วนจะนอนหรือไม่นอนอาจให้แพทย์ประเมินร่วมกับคนไข้ ดูประวัติเฉพาะราย เพราะบางส่วนก็คิดว่าแข็งแรงดีไม่อยากนอน รพ. ก็ขอให้เป็นการประเมินร่วมกับแพทย์ ทั้งนี้ ย้ำว่ากลุ่ม 608 ควรประเมินกับแพทย์ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะนอนหรือไม่นอน รพ. เพราะเราไม่รู้เงื่อนไขของแต่ละคน แต่หากอยากนอน รพ.จริงๆ รพ.ปฏิเสธไม่ได้ หากเตียงเต็มจริงๆ ก็ต้องพูดคุยกับเครือข่าย อย่าง รพ.ของกรมการแพทย์ เราก็มีให้กลุ่ม 608 มานอนก่อน หากประเมินแล้วดีค่อยให้กลับบ้าน
ถามถึงเพิ่มเตียงจะเพิ่มอย่างไร นพ.สมศักดิ์กล่าวว่า หากอัตราครองเตียงระดับ 2.1 ขึ้นไป เกิน 80% ก็ต้องขยายเตียง โดยจะเน้นในเตียงระดับ 2.1 ขึ้นไป ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ก่อนปีใหม่ เราเคยขอให้ลดบริการปกติ 15-20% เอาคนกับเตียงมาทำโควิด ซึ่งส่วนหนึ่งร่วมมือ อีกส่วนรอดูสถานการณ์ เพราะตอนนั้นการใช้เตียงไม่เยอะ แต่ช่วงนี้ต้องขอเครือข่ายร่วมมือ ถ้าเตียงระดับ 2 และ 3 เริ่มตึงก็ต้องขยาย เพราะระดับ 1 เราพยายามไปใช้บริการเจอแจกจบ OPSI เป็นหลัก รวมถึงยังมี CI และโฮเทล ไอโซเลชัน ซึ่งตอนนี้ก็เห็นใจ เพราะถ้ายังไม่ถึง 80% บางส่วนก็ยังไม่อยากขยาย เพราะทุกเตียงที่ขยายคือการสูญเสียของโรคอื่น ที่ต้องเลื่อนนัดผ่าตัด ฯลฯ ก็ต้องคำนึงเรื่องพวกนี้
นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้เด็กเล็กติดโควิดและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น และท่านนายกฯ เป็นห่วงกลุ่มนี้เช่นกัน จึงถือเป็นอีกกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล จึงขอให้โรงพยาบาลทุกแห่งรับเด็กเล็กที่ป่วยโควิดไว้ในสถานพยาบาล เพื่อดูอาการ