สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 29 มีนาคม 2565 วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,089 ราย (ผู้ติดเชื้อยืนยัน RT-PCR) และมีผู้เสียชีวิต 4 รายโดยมีรายละเอียดดังนี้
1. คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 95 ราย สะสม 4,484 ราย และจังหวัดอื่นๆรวมสะสม 1,367 ราย
2. CLUSTER บริษัท ไทย เอ็นโอเค จำกัด อ.เมืองชลบุรี 3 ราย สะสม 68 ราย
3. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 27 ราย
4. บุคลากรทางการแพทย์ 46 ราย
5. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 5 ราย ดังนี้
5.1 จังหวัดเชียงใหม่ 2 ราย
5.2 กทม. 1 ราย
5.3 จังหวัดพิจิตร 1 ราย
5.4 จังหวัดสุโขทัย 1 ราย
6. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน
6.1 ในครอบครัว 249 ราย
6.2 จากสถานที่ทำงาน 60 ราย
6.3 บุคคลใกล้ชิด 80 ราย
6.4 ร่วมวงสังสรรค์ 4 ราย
7. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 29 ราย
8. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 491 ราย
ณ วันที่ 29 มีนาคม 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 930,913 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 7,616
คน (อัตราป่วย 818.12 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 6 ราย (0.64 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 5 ราย (0.54 ต่อแสนประชากร), ปอดอักเสบ 8 ราย (0.86 ต่อแสนประชากร)
มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,904,313 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 10,951 คน (อัตราป่วย 575.06 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 24 ราย (1.26 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 16 ราย (0.84 ต่อแสนประชากร), ปอดอักเสบ 23 ราย (1.21 ต่อแสนประชากร)
ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 132,978 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 291,782 คน รวม 424,760 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 15,744 คน (อัตราป่วย 3,706.56 ต่อแสนประชากร), เสียชีวิต 57 ราย (13.42 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 13 ราย (3.06 ต่อแสนประชากร) , ปอดอักเสบ 53 ราย (12.48 ต่อแสนประชากร)
วันนี้พบผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจรายใหม่ 5 ราย
(รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสามเข็มเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2564 ,
รายที่สองพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2564,
รายที่สามพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 2 พย 2564,
และอีกสองรายไม่พบประวัติการรับวัคซีน), ผู้ป่วยปอดอักเสบรายใหม่ 1 ราย (ไม่พบประวัติการรับวัคซีน), ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 4 ราย (รายที่หนึ่งอายุ 85 ปี, รายที่สองอายุ 67 ปี, รายที่สามอายุ 71 ปี, รายที่สี่อายุ 91 ปี,) สาเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตคือ เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัวได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอด (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสามเข็มเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2565,
รายที่สองพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2564,
รายที่สามพบประวัติการรับวัคซีนหนึ่งเข็มเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2565,
รายที่สี่ไม่พบประวัติการรับวัคซีน) ดังนั้นการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์กล่าวคือต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดเข็มที่สาม จะช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 ผู้ที่อาศัยในจังหวัดชลบุรี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนไม่ครบ มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ จะมีอาการมากกว่ากลุ่มอื่น
ขณะนี้มีการระบาดเป็นวงกว้างทั้งจังหวัดชลบุรี
ร้านอาหารจำหน่ายสแอลกอฮอล์ ต้องคัดกรองลูกค้าด้วย ATK ทุกคน
ขณะนี้เริ่มมีการระบาดในสถานประกอบการจำนวนมาก พนักงานต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และเคร่งครัดในมาตรการองค์กร
1. เลิกงานไม่สังสรรค์
2. อาหารต้องไม่ทานใกล้ชิดด้วย
3. ป่วยต้องหยุด
4. จุดสัมผัสร่วม ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ เช่น ลูกบิด ราวบันได สแกนนิ้วมือ เซ็นชื่อแล้วต้องล้างมือทันที
5. เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล ใส่แมสก์ตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างๆ กัน
สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องมีการกักตัวอย่างเข้มงวด ไม่ออกไปแพร่เชื้อ
การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดชลบุรี อยู่บนพื้นฐานของสมดุลระหว่าง การควบคุมโรค เศรษฐกิจ สังคม
ปัจจัยความเร็วในการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้นกับการเคลื่อนที่นอกบ้านของประชาชน ความใกล้ชิดกัน รวมทั้งระยะเวลาในการใกล้ขิดกัน นอกเหนือจากการไม่เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล หากไม่ล้างมือก่อนจับหน้า เชื้อเข้าทางจมูก ปากตา ทำให้มีการติดเชื้อและแพร่ระบาดได้
ในสภาวะการณ์ที่โควิด-19 มีการระบาดในวงกว้าง จนอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น เชื้อไม่ได้หมดสิ่นไป ทำให้มีโอกาสในการติดเชื้อได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดการระบาดจนระบบสาธารณสุขรองไม่ได้ และต้องไม่เสียชีวิต ดังนั้นจึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของจังหวัดชลบุรี
ค้นให้ตรงเป้า เฝ้าให้ตรงจุด ร่วมใจฉีดวัคซีน สู่โรคประจำถิ่น
1.ค้นให้ตรงเป้า ผู้ที่มีอาการไข้หวัด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่ได้วัคซีนไม่ครบ มีโอกาสเสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ต้องได้รับการตรวจคัดกรองด้วย ATK
2.เฝ้าให้ตรงจุด สถานที่ที่มีกลุ่มเปาะบาง เสี่ยงค่อความรุนแรงหรือเสี่ยงต่อการควบคุมการระบาดได้ยาก หากเกิดการระบาดขึ้น ต้องได้รับการคัดกรองด้วยATK สม่ำเสมอ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน สถานพักพิงคนพิการ ร้านอาหารจำหน่ายแอลกอฮอล์ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว
3.ร่วมใจฉีดวัคซีน วัคซีนลดความรุนแรงของโควิด-19 ได้ 100% แต่ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ยังคงสามารถติดเชื้อโควิด-19 ได้ ยังคงต้องมีสุขอนามมัยส่วนบุคคล ขอความร่วมมือทุกท่านในการฉีดวัคซีน เพื่อลดความเร็วในการระบาด และลดความรุนแรงของโควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประตำตัว ขณะนี้ยังคงมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว และเป็นผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน
4.สู่โรคประจำถิ่น เชื้อโควิด-19 ได้ลดความรุนแรงลง และเข้าเป็นโรคประจำถิ่นในที่สุด ทุกคนป้องกันตัวเองตามมาตรการ univeral protection ยังคงเคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะช่วงที่กำลังมีการระบาดในวงกว้าง เพื่อชะลอการระบาดไม่ให้รวดเร็วเกินไป ให้ดำเนินการตามมาตรการ คัดการด้วย ATK ก่อน และสามารถแยกกักที่บ้านได้หากไม่มีอาการและไม่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 เป็นหน้าที่ของทุกคน