สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 18 มีนาคม 2565 วันนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 1,256 ราย (ผู้ติดเชื้อยืนยัน RT-PCR) มีผู้เสียชีวิต 4 ราย โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 54 ราย สะสม 3,576 ราย และจังหวัดอื่นๆรวมสะสม 1,106 ราย
2. CLUSTER บริษัท เทคโน เม็ททัล (ประเทศไทย) จํากัด อ.ศรีราชา 4 ราย สะสม 24 ราย
3. CLUSTER บริษัท ฟูจิตสึ เจเนอรัล (ประเทศไทย) จำกัด อ.ศรีราชา 4 ราย สะสม 185 ราย
4. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 29 ราย
5. บุคลากรทางการแพทย์ 32 ราย
6. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 4 ราย ดังนี้
6.1 กทม. 1 ราย
6.2 จังหวัดยะลา 1 ราย
6.3 จังหวัดสกลนคร 1 ราย
6.4 จังหวัดสุโขทัย 1 ราย
7. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน
7.1 ในครอบครัว 266 ราย
7.2 จากสถานที่ทำงาน 111 ราย
7.3 บุคคลใกล้ชิด 84 ราย
7.4 ร่วมวงสังสรรค์ 6 ราย
8. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 36 ราย
9. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 626 ราย
ณ วันที่ 17 มีนาคม 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 894,496
คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 4,434 คน (อัตราป่วย 495.70 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 4 ราย (0.45 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 2 ราย (0.22 ต่อแสนประชากร), ปอดอักเสบ 6 ราย (0.67 ต่อแสนประชากร)
มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,898,533 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 6,815 คน (อัตราป่วย 358.96 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 19 ราย (1.00 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 5 ราย (0.26 ต่อแสนประชากร), ปอดอักเสบ 8 ราย (0.42 ต่อแสนประชากร)
ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 115,838 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 314,702 คน รวม 430,540 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 8,961 คน (อัตราป่วย 2,081.34 ต่อแสนประชากร), เสียชีวิต 38 ราย (8.83 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 6 ราย (1.39 ต่อแสนประชากร) , ปอดอักเสบ 36 ราย (8.36 ต่อแสนประชากร)
วันนี้ พบผู้ป่วยปอดอับเสบรายใหม่ 1 ราย (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2564, รายที่สองพบประวัติการรับวัคซีน), พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 4 ราย (รายที่หนึ่งอายุ 62 ปี, รายที่สองอายุ 68 ปี, รายที่สามอายุ 73 ปี, รายที่สี่อายุ 79 ปี) สาเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตคือ เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัวได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดผิดปกติ โรคหลอดเลือดสมอง (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสามเข็มเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2565, รายที่สองพบประวัติการรับวัคซีนหนึ่งเข็มเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2564, และอีกสองรายไม่พบประวัติการรับวัคซีน) ดังนั้น การฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ กล่าวคือต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดเข็มที่สาม จะช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 ผู้ที่อาศัยในจังหวัดชลบุรี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนไม่ครบ มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ จะมีอาการมากกว่ากลุ่มอื่น
ขณะนี้มีการระบาดเป็นวงกว้างทั้งจังหวัดชลบุรี
ร้านอาหารจำหน่ายสแอลกอฮอล์ ต้องคัดกรองลูกค้าด้วย ATK ทุกคน
ขณะนี้เริ่มมีการระบาดในสถานประกอบการจำนวนมาก พนักงานต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และเคร่งครัดในมาตรการองค์กร
1. เลิกงานไม่สังสรรค์
2. อาหารต้องไม่ทานใกล้ชิดด้วย
3. ป่วยต้องหยุด
4. จุดสัมผัสร่วม ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ เช่น ลูกบิด ราวบันได สแกนนิ้วมือ เซ็นชื่อแล้วต้องล้างมือทันที
5. เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล ใส่แมสก์ตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างๆกัน
สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องมีการกักตัวอย่างเข้มงวด ไม่ออกไปแพร่เชื้อ
การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดชลบุรี อยู่บนพื้นฐานของสมดุลระหว่าง การควบคุมโรค เศรษฐกิจ สังคม
ปัจจัยความเร็วในการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้นกับการเคลื่อนที่นอกบ้านของประชาชน ความใกล้ชิดกัน รวมทั้งระยะเวลาในการใกล้ขิดกัน นอกเหนือจากการไม่เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล หากไม่ล้างมือก่อนจับหน้า เชื้อเข้าทางจมูก ปากตา ทำให้มีการติดเชื้อและแพร่ระบาดได้
ในสภาวะการณ์ที่โควิด-19 มีการระบาดในวงกว้าง จนอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น เชื้อไม่ได้หมดสิ่นไป ทำให้มีโอกาสในการติดเชื้อได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดการระบาดจนระบบสาธารณสุขรองไม่ได้ และต้องไม่เสียชีวิต ดังนั้นจึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของจังหวัดชลบุรี
ค้นให้ตรงเป้า เฝ้าให้ตรงจุด ร่วมใจฉีดวัคซีน สู่โรคประจำถิ่น
1.ค้นให้ตรงเป้า ผู้ที่มีอาการไข้หวัด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่ได้วัคซีนไม่ครบ มีโอกาสเสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ต้องได้รับการตรวจคัดกรองด้วย ATK
2.เฝ้าให้ตรงจุด สถานที่ที่มีกลุ่มเปาะบาง เสี่ยงค่อความรุนแรงหรือเสี่ยงต่อการควบคุมการระบาดได้ยาก หากเกิดการระบาดขึ้น ต้องได้รับการคัดกรองด้วยATK สม่ำเสมอ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน สถานพักพิงคนพิการ ร้านอาหารจำหน่ายแอลกอฮอล์ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว
3.ร่วมใจฉีดวัคซีน วัคซีนลดความรุนแรงของโควิด-19 ได้ 100% แต่ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ยังคงสามารถติดเชื้อโควิด-19 ได้ ยังคงต้องมีสุขอนามมัยส่วนบุคคล ขอความร่วมมือทุกท่านในการฉีดวัคซีน เพื่อลดความเร็วในการระบาด และลดความรุนแรงของโควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประตำตัว ขณะนี้ยังคงมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว และเป็นผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน
4.สู่โรคประจำถิ่น เชื้อโควิด-19 ได้ลดความรุนแรงลง และเข้าเป็นโรคประจำถิ่น ในที่สุด ทุกคนป้องกันตัวเองตามมาตรการ univeral protection ยังคงเคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะช่วงที่กำลังมีการระบาดในวงกว้าง เพื่อชลอการระบาดไม่ให้รวดเร็วเกินไป ให้ดำเนินการตามมาตรการ คัดการด้วย ATK ก่อน และสามารถแยกกักที่บ้านได้หากไม่มีอาการและไม่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 เป็นหน้าที่ของทุกคน