สธ.เผยผลประเมิน "เจอ แจก จบ" 76 จังหวัดอยู่ในระดับดีถึงดีมาก ช่วยผู้ติดเชื้อโควิดรับบริการสะดวก ครอบคลุมมากขึ้น ลดคอขวดการโทรเข้าสายด่วน 1330 แนะกลุ่มที่เดินทางไปรักษาแบบผู้ป่วยนอกไม่ได้ ให้โทรเข้า 1330 ส่วนกลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงหรืออาการสีเหลืองสีแดงใช้ UCEP Plus ติดต่อ 1669
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงการเข้าสุ่ระบบการรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด 19 อยู่ในช่วงการปรับเข้าสู่โรคประจำถิ่นหรือยุติการระบาดใหญ่ (Post Pandemic) เกิดจากตัวเชื้อ 1.ปัจจุบันตัวเชื้อความรุนแรงลดน้อยลง โดยผู้ป่วยหนักหรือเสียชีวิตมีสัดส่วนลดลงมาก 2.เราฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 125 ล้านเข็ม ครอบคลุมในระดับสูงมาก และ 3.การประเมินระบบรักษาพยาบาล ระบบสาธารณสุขเราอยู่ระดับต้นๆ ของโลก และการประเมินผลตามแนวทางองค์การอนามัยโลก เรามีสมรรถนะความพร้อมระดับดีมาก มาตรการดูแลรักษาพยาบาลที่ สธ.จัดเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ประชาชนได้รับดูแลดียิ่งขึ้น คือ ระบบผู้ป่วยนอก (โอพีดี) เจอ แจก จบ ซึ่งเป็นระบบเสริมขึ้นมา
นพ.รุ่งเรืองกล่าวว่า สำคัญคือ จุดแรกของการคัดกรอง ประชาชนส่วนใหญ่มีการตรวจด้วย ATK เอง หากผลเป็นบวกจะมีการเข้าสู่ระบบการรักษา สามารถไปคลินิกโรคทางเดินหายใจของ รพ.สังกัด สธ. รวมถึงพื้นที่ใน กทม.ได้ เมื่อเข้าสู่ระบบการรักษาจะได้รับการดูแลจากคลินิกทางเดินหายใจตรวจร่างกายซักประวัติ ประเมินอาการ จากนั้นจะได้รับการแจกยา ทั้งยาหลักและยาเสริม ความรู้การปฏิบัติตน และกลับไปดูแลตนเองต่อที่บ้าน เหมือนกรณีการติดเชื้อไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคอื่นๆ โดยช่วง 48 ชั่วโมงแรกจะมีการประเมินติดตามอาการ ว่ามีความเสี่ยงเพิ่มเติม หรือความจำเป็นต้องเข้าระบบการรักษาในรพ.หรือไม่
"จากการดำเนินการเจอแจกจบตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ประเทศ 76 จังหวัด ผลประเมินออกมาระดับดีถึงดีมาก ประชาชนรับความสะดวกรับบริการครอบคลุมมากขึ้น กทม.มีการเพิ่มบริการ ทั้ง รพ.สังกัด สธ.ของกรมการแพทย์ หน่วยงานอื่นๆ รพ.ของกทม. รพ.เอกชน คลินิกต่างๆ มีการเพิ่มบริการโอพีดีเพิ่มขึ้น หากมองภาพรวมระบบโอพีดี ผู้ป่วยนอกเจอแจกจบ ช่วยดูแลประชาชนอย่างดี" นพ.รุ่งเรืองกล่าว
นพ.รุ่งเรืองกล่าวว่า ส่วนประเด็นกรณีประชาชนตรวจพบว่า เป็นบวกควรทำอย่างไร นอกจากการเข้าโอพีดีที่เป็นระบบเสริมนั้น ระบบการรักษาที่บ้าน (HI) ยังคงมีอยู่ ซึ่งเหมาะดับผู้ติดเชื้อที่ไม่สะดวกเดินทางมา รพ.เพื่อรักษาแบบผู้ป่วยนอก หรือไม่มีรถส่วนตัว สามารถใช้สายด่วน 1330 เข้าระบบได้ หรือเบอร์โทร 50 เขต หรือติดต่อผ่านไลน์ สปสช. @nhso ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้โทรสายด่วน 1330 จำนวนมาก ทำให้พื้นที่ กทม.อาจได้รับบริการที่ไม่สะดวก หรือไม่ได้รับการติดต่อ แต่หลังจากมีการเปิดบริการผู้ป่วยนอกทำให้สายโทรเข้าลดเหลือ 4-5 หมื่นสายต่อวัน และได้เข้ารับบริการเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้โอมิครอนอาการรุนแรงลดน้อยลง แต่จะมีผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งที่มีความเสี่ยงอาการรุนแรงได้ เช่น กลุ่มเสี่ยงอายุมากกว่า 60 ปี โรคประจำตัว มีอาการมากขึ้น เช่น หอบเหนื่อย ถือว่าเป็นสีเหลืองหรือสีแดง ยังเข้ารักษาได้ทุกที่ทุกแห่ง โดยใช้สิทธิ UCEP Plus และใช้หมายเลข 1669 ในการติดต่อ ซึ่งจากการตรวจสอบระบบจนถึงปัจจุบัน ระบบยังรองรับได้อย่างดี โดยขอบคุณข้อแนะนำต่างๆ ซึ่ง สธ.จะประสานกลับไปยัง สพฉ.และในพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจในการสื่อสารและระบบบริการ