หลายหน่วยงาน จับมือร่วมกันเปิดโครงการ “รวมพลังตามหาคนอยากเลิกบุหรี่” โดยการร่วมมือกัน ทั้ง สายเลิกบุหรี่ 1600, สสส. และ อสม. ทำหน้าที่ตามหาผู้ที่อยากจะเลิกบุหรี่ ตั้งแต่ตามหา ส่งต่อ ไปจนถึง ดูแลให้คำปรึกษาจนทำเป้าหมายสำเร็จ ชวนประชาชนให้ทำภารกิจให้ลดหรือเลิกสูบบุหรี่ให้สำเร็จ ในท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ให้จงได้
โดย นายสาธิต ปิตุเดชะ รมช.สาธารณสุข ได้กล่าวว่า “โดยส่วนตัว ผมเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่อยู่แล้ว อาจจะมีเคยลองสูบบ้างในช่วงวัยรุ่น แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยสูบบุหรี่อีกเลย จนเป็นเหคุให้ผมตรวจสุขถาพแล้วปอดสะอาดมาก ผมก็เลยบริจาคอุทิศอวัยวะปอดให้กับสภากาชาด เพราะว่าไปดูที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ เขาก็บอกว่า ส่วนไหนที่ดีมากจะบริจาค ผมก็คิดว่าปอด เพราะว่าไม่เคยสูบบุหรี่ ก็เลยทำเรื่องดังกล่าว
“ผมเข้าใจว่า การรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่เป็นภารกิจของกระทรวงสาธารณสุข และเป็นภาระของรัฐบาลที่จะต้องทำให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเดินคู่กันไปกับสิทธิเสรีภาพของคนไทย ฉะนั้น สสส. ก็เป็นองค์กรที่ช่วยคิดวิธีที่จะต่อสู้กับรื่องต่างๆ เหล่านี้ โครงการนี้ก็เป็นโครงการที่ดีอีกโครงการหนึ่ง ที่จะให้อาสาสมัคร อสม. ที่ตอนนี้ คนไทยรู้จักพวกเขามากขึ้น อสม. เป็นเครือข่ายที่มีพลังมาก ในแง่ของการกระจายตัวอยู่ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย”
“วันนี้ตัวโครงการที่จะให้ อสม. มาเป็นไปค้นหาประชาชนที่อยากเลิกบุหรี่ เพื่อสุขภาพของเขาเอง เพื่อจะมาขับเคลื่อนทำให้เขาช่วยเขา เพื่อที่จะเป็นตัวช่วยให้เขาเลิกบุหรี่ได้ไปตามเป้าหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีโครงการในลักษณะนี้ออกมาก่อนเหมือนกัน ปรากฏว่าทำโครงการมา 3 ปี ได้ยอดกว่า 3 ล้านคน ซึ่งวันนี้ก็จะขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไป ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการ ‘3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทอดไท้องค์ราชัน’ แล้วก็จะเดินทางต่อกับโครงการ ‘รวมพลังตามหาคนอยากเลิกบุหรี่’ ในครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จ”
“ต้องขอขอบคุณกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สสส. และสายเลิกบุหรี่ 1600 ที่ร่วมกันดำเนินการโครงการนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ จะประสบความสำเร็จในการเลิกบุหรี่มากขึ้น แล้วก็หวังอย่างยิ่งว่าโครงการนี้ จะประสบความสำเร็จ ทำให้ประชาชนชาวไทยเลิกบุหรี่มากขึ้น เราก็ไม่ต้องไปเสียเงินงบประมาณไปรักษาคนที่เป็นมะเร็งปอด หรือโรคที่เกี่ยวข้องจากการสูบบุหรี่ จะได้นำเงินงบประมาณในส่วนนี้ไปทำให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองต่อไปครับ”
นายแพทย์ ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า “กระทรวงสาธารณสุขได้เคยดำเนินโครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ เทิดไท้องค์ราชัน เรามีผลสำเร็จมาก เราดำเนินได้ที่ 3.3 ล้านคน แต่ว่ายังไงก็ตาม ผมคิดว่าการเลิกบุหรี่นั่น มันต้องการกำลังกายและกำลังใจ และการติดตามอย่างเข้มงวด เราได้มีการคุยกัน แต่เตรียมโครงการต่อเนื่องว่า เป็นการตามหาคนที่อยากเลิกบุหรี่จริงๆ ก็มีการติดตามอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง เลยมีการคุยกันอย่างต่อเนื่อง โดยการใช้ quick line 1600 ผมคิดว่ากลไกที่ อสม. ทำก็คือ จากที่ได้ไปเยี่ยมแบบเคาะประตูบ้าน กว่า 14 ล้านครัวเรือน ทำให้เรามีฐานข้อมูลระดับหนึ่ง แล้วก็มีความสัมพันธ์กับชุมชน ตอนนี้ข้อมูลก็คือว่า เราใช้จุดเด่น คือ เรามีภารกิจที่จะต้องลงไปในพื้นที่ต่อ หลังจากโควิด-19 ประเมินเรื่องสุขภาพจิต เรื่องความเป็นอยู่ เรื่องการไปจัดระบบ เราเรียกว่าวิถีชีวิตใหม่ ทำยังไงถึงจะเว้นระยะห่าง ทำยังไงถึงจะปฎิบัติ เราไปพบในงานพิธีต่างๆ เช่น งานศพ ทาง อสม. ช่วยไปตรวจสอบต่างๆ ผมคิดว่ายังมีบทบาทสำคัญนะครับ”
“ฉะนั้น เลยมีคุยกันว่า ถ้าช่วงนี้ไปค้นหาคนที่อยากเลิกบุหรี่จริงๆ ก็จะเป็นประโยชน์ในการทำภารกิจที่เราจะไปทำอยู่แล้ว ก็คิดว่าสามารถลงไปเชื่อมโยง ถ้าพบรายชื่อ ก็จะสามารถเอาหมายเลขโทรศัพท์ เรามี platform ออนไลน์ ที่เราเรียกว่า สมาร์ท อสม. กับ อสม. ออนไลน์ อยู่ ก็จะเชื่อมไปที่ 1600 ผมคิดว่าก็จะเป็นประโยชน์ และทำให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่อยากเลิกจริงๆ ฉะนั้น ในส่วนทางนั้นกรมฯ ที่เราทำงานร่วมกับ อสม. ก็ยินดี แล้วก็คิดว่าเราจะได้รวมพลังกันอีกครั้ง เรารู้ว่าบุหรี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหลายอย่าง ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองของประเทศ ทำให้สุขภาพไม่แข็งแรง ซึ่งโรคโควิด-19 บุหรี่ก็เป็นปัจจัยให้ตัวโรครุนแรงขึ้น และเพิ่มอัตราการเสียชีวิตมากขึ้น ฉะนั้น ผมคิดว่าเป็นโอกาสดีที่ได้ทำโครงการร่วมกันครับ ก็ต้องขอบคุณและหวังว่า ชุมชนของเราจะปลอดจากควันบุหรี่ เพื่อเป็นของขวัญและจะสอดรับที่จะทำโครงการในอนาคตข้างหน้าต่อไป”
ขณะที่ ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. ได้กล่าวว่า เรื่องบุหรี่ก็ถือว่าเป็นพิษภัยที่เป็นระดับต้นๆ ของพวกเราในเครือข่าย โดยเฉพาะทาง สสส. ที่เป้าหมายเราชัดเจนมาก คือ เราจะพยายามลดการบริโภค ทั้งสุราและบุหรี่ ซึ่งจากที่เราทำมา สถานการณ์ก็ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น คนสูบบุหรี่ลดลง จากที่เมื่อช่วง 30-40 ปีก่อน อยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้อยู่ที่ 19.1 เปอร์เซ็นต์ ยอดลดลงไป 12 ล้านคน แต่การทำงานก็ถือว่ายังไม่เสร็จในตอนนี้ ยังต้องอาศัยความต่อเนื่องในการทำงานต่อเนื่องในการทำงาน ภาคีเครือข่ายนี้เข้มแข็งมากนะครับ เราทำงานกันภายใต้ยุทธศาสตร์ควบคุมยาสูบของประเทศ ซึ่งเป็นกลไกที่เข้มแข็งมาก เชื่อมโยงกับต่างประเทศ โดยเน้นที่การทำงานวิชาการเป็นพื้นฐาน ข้อมูลที่เราได้ใช้กัน มาจากศูนย์วิขาการและเครือข่ายในประเทศ ที่ช่วยหนุนและขับเคลื่อนให้เป็นนโยบายออกมา ซึ่งนโยบายหรือการบังคับใช้กฎหมาย ก็มาจากข้อมูลวิชาการ กฎหมายต่างๆ ที่ออกมา ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะยกมานะครับ มีข้อมูลสนับสนุน ซึ่งก็ต้องอาศัยความเข้มแข็งของราชการ ในการที่จะช่วยกันบังคับใช้กฎหมาย
“และที่สำคัญมาก ก็คือ การรณรงค์และประชาสัมพันธ์ ซึ่งก็จะเห็นว่าตามสื่อต่างๆ การรณรงค์ต่างๆ เราทำกนมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ที่เกี่ยวกับโควิด-19 ก็มีคำขวัญหนึ่งออกมาด้วย คือ สูบบุหรี่เสี่ยงโควิด และเสี่ยงตายสูง แล้วก็เลิกสูบลดเสี่ยง เราจะพยายามทำการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักรู้ และก็ช่วยกันมาเลิกบุหรี่ และภารกิจสุดท้ายที่สำคัญมากๆ คือ การช่วยทำให้คนเลิกบุหรี่ และกลไกของสายด่วน ที่เป็นส่วนสำคัญ ที่จะทำให้คนที่สูบอยู่แล้ว หันมาเลิกบุหรี่ และต้องเชื่อว่าบุหรี่ต้องเลิกได้ ในฐานะ สสส. บอกเลยว่า เรื่องบุหรี่เราให้ความสำคัญและจะทำงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มาร่วมมือภายใต้ยุทธศาสตร์ควบคุมยาสูบครับ”
ด้าน รศ.ดร.จินตรนา ยูนิพันธุ์ ผอ.ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ หรือ สายเลิกบุหรี่ 1600 กล่าวปิดท้ายว่า “ต้องขอเรียนก่อนนะคะว่าเป็นความใฝ่ฝันของทางสายด่วน 1600 เลย ที่จะมีโอกาสทำงานร่วมกับภาคี สายด่วนเลิกบุหรี่ เป็นองค์กรที่จะช่วยให้คนที่สูบบุหรี่ เลิกบุหรี่ได้ ซึ่งการเลิกสิ่งนี้ได้นั้น มี 2 วิธี คือการเลิกด้วยยา และ ไม่ใช้ยา สายด่วนของเราจะช่วยเลิกบุหรี่ด้วยใจ แบบไม่มีตัวช่วยอื่นใด นอกจากใจล้วนๆ ติดบุหรี่ก็ใจอ่อนใช่มั้ยคะ ที่เราบอกว่า สูบครั้งเดียวก็ติดได้ คนสูบบุหรี่ก็บอกว่า เลิกก็เลิกง่าย แต่กลับไปติดอีก ดังนั้น เรื่องของการเลิกบุหรี่ จำเป็นต้องใช้ใจเป็นหลัก ทำอย่างไรถึงจะให้คนที่สูบบุหรี่นั้นมีใจอยากเลิก กระบวนการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ ก็จะทำให้คนที่สูบบุหรี่โทรเข้ามาที่เบอร์นี้ แล้วเบอร์ 1600 โทรได้ฟรีทุกเครือข่าย ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น การเลิกบุหรี่ ถ้าโทรเข้า ก็มีส่วนหนึ่งเท่านั้น
“แต่กระบวนการหนึ่งที่สำคัญมาก ก็คือ คนที่โทร.เข้ามา จะเป็นคนที่ต้องการเลิก หรือโทร.มาเพื่ออยากรู้ว่าเขาทำอะไรกัน หรือว่าพ่อแม่พี่น้องคนใกล้ชิดโทร.มา ซึ่งคนที่จะเลิกบุหรี่ได้ เริ่มต้นที่ใจ ดังนั้น การทำงานกับภาคีมีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะภาคีที่อยู่ใกล้ชิดผู้สูบบุหรี่เรารู้ว่า อสม. เป็นภาคีที่นอกจากจะอยู่ใกล้ชิดแล้ว ยังเป็นภาคีที่ผู้สูบบุหรี่ไว้ใจด้วย เพราะเป็นคนในชุมชน การให้คำปรึกษา เขาเริ่มต้นที่การสร้างความไว้ใจ เพราะฉะนั้น อสม. มีความไว้ใจเป็นเบื้องต้นแล้ว กระบวนการตามหาคนอยากเลิกบุหรี่ อัตราการเลิกบุหรี่ จะลดลงได้จะต้องมีองคาพยพ หรือภาคีร่วมกันทำงาน ซึ่งถ้าปล่อยให้คนโทรไปหาอย่างเดียว ก็จะมีเฉพาะการรณรงค์ที่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเป็น อสม. ช่วยให้คนอยู่ใกล้ชิดอยากเลิก เราจะจัดทำคู่มือไว้ ไม่ใช่ส่งทุกคนที่สูบบุหรี่มารับคำปรึกษา เพราะการทำสิ่งนี้จะอยู่บนพื้นฐานของวิชาการ ซึ่งในลักษณะนี้จะมีการช่วยให้ตั้งใจเลิก ฉะนั้นคนที่ไม่อยากเลิกจะต้องให้ตั้งใจเลิก จะต้องได้รับความช่วยเหลือเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาพอสมควร ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ
“ฉะนั้น อยากจะกราบเรียนค่ะว่า ถ้า อสม. ตามหาคนที่อยากเลิกบุหรี่ ส่งต่อให้คนที่อยากเลิกบุหรี่ กระบวนการส่งต่อวันนี้ เราสามารถส่งต่อที่แอปพลิเคชั่นบนมือถือ ซึ่งได้พยายามที่จะเข้าไปอยู่ในสมาร์ท อสม. ซึ่งการส่งต่อนี้ ภาคี สามารถที่จะทำงานร่วมกับเราได้ การส่งต่อก็จะใช้มือถือ ข้อมูลต่างๆ ที่ส่งจาก อสม. ก้จะไปปรากฏที่หน้าจอของผู้ให้คำปรึกษา ต้องบอกอย่างงี้นะคะว่า เราทำงานด้วย call center เพราะฉะนั้นคนโทร.เข้ามา ก็จะมีกระบวนการรับ-ส่งสายโดยอัตโนมัติ เหมือน call center ทั่วไป แต่จะมีอีกกระบวนการหนึ่ง ซึ่งเมื่อทาง call center รับสาย ก็จะคัดกรองว่าคนไหนอยากเลิก เมื่ออยากเลิก ก็จะส่งสายไปให้ผู้เชี่ยวชาญคำปรึกษา ให้คำแนะนำอีก 20 นาที ตรงนี้จะจัดเอาไว้ให้คนที่อยากเลิก เพราะคนสูบบุหรี่ที่ไม่อยากเลิก ใจมันไม่อยากฟัง แล้วถ้าไม่อยากเลิก พูดอะไรก็ไม่เกิดประโยชน์ ฉะนั้น การตามหาจึงมีความสำคัญ เมื่อ 1600 ให้คำปรึกษาที่จะให้ลงมือเลิก ผู้สูบบุหรี่ลงมือเลิกมาแล้วบ่อยครั้งแต่ล้มเหลว ดังนั้นการให้คำปรึกษา ก็คือจะช่วยให้เขาเรียนรู้กระบวนการชีวิตของเขา สูบบุหรี่เมื่อไหร่ มวนไหนที่เลิกยากที่สุด ผู้ให้คำปรึกษาก็จะใช้ความรู้และประสบการณ์จากผู้สูบบุหรี่นี้ ชวนให้คนสูบเลือกวิธีเลิกใหม่ และเลือกวิธีที่จะต่อสู้กับ ภาวะอยากบุหรี่ หรืออาการขาดนิโคติน ตรงนี้จะต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้น ผู้ที่ไม่สนใจอยากเลิก เราจึงไม่สนใจให้คำปรึกษาระยะยาว เราเสียเวลา หลังจากลงมือเลิก เราก็จะสร้างความมั่นใจว่า ลงมือเลิก กำหนดวันเลิก คนอยากเลิกบุหรี่ ถ้าไม่กำหนดสิ่งนี้ โอกาส หลักฐานทั่วโลกบอกว่าเลิกยาก ลดลงมาก็กลับไปสูบใหม่ ดังนี้ ต้องมีการหักดิบ ถ้าทำการหักดิบแล้ว
“กระบวนการถัดไปคือ 1600 จะทำการติดตามไปอีก 6 ครั้ง เพราะคนที่เลิกได้ด้วยตัวเอง โอกาสที่จะสำเร็จนั้น แค่ 5 เปอร์เซ็นต์ เพราะจะกลับไปเกิดอาการอยาก ซึ่งมันจะชวนให้แพ้ใจตัวเอง ดังนั้นกระบวนการติดตามในช่วงแรกๆ ผู้ให้คำปรึกษา จะให้คำปรึกษาเพิ่มเติม และแนะวิธีว่าจะทำอย่างไร อันนี้เป้นกระบวนการของเรา ถ้า 1600 ให้คำปรึกษา 1 ครั้ง เราจะติดตาม 1 ปี ตรงนี้ 1600 สามารถที่จะให้คำปรึกษาพร้อมกันได้ 42 สาย เมื่อไหร่ที่คนโทรเยอะ เราจะจัดกำลังอัตราเยอะ แต่กระบวนการตามหาคนอยากเลิกนั้น จะส่งข้อมูลเบื้องต้น เพราะฉะนั้น ระบบที่ส่งสายไป ขึ้นหน้าจอของเราว่ามีคนเยอะ เราก็ให้ผู้ให้คำปรึกษามาทำงานเยอะ เพราะฉะนั้น อย่าห่วงว่าเราจะดูแลไม่ได้เต็มที่ เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็จะเป็นกระบวนการที่จะให้เลิกบุหรี่ได้ ดังนั้นความสำคัญอยู่ที่ใจ อสม. จะได้ใจพวกเขาอยู่แล้ว ทั้งคู่มือหรือจิตใจที่จะอยากเลิกจึงเป็นกระบวนการแรก พออยากเลิกก็ส่งข้อมูลไปให้ แล้วเราก็จะช่วยเหลือ
“เพราะฉะนั้น 1600 มั่นใจว่า ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันทำงาน ไม่ว่าจะเป็นภารกิจอะไร มันเป็นภารกิจเดียวกัน 1600 จะเข้ามาช่วยเสริม ด้วยแอปพลิเคชั่น u refer ซึ่งความพิเศษของแอปฯ นี้ ก็คือ เป็นนวัตกรรมของ 1600 ตรงเพื่อนภาคีไม่ได้ใช้ ความพิเศษอยู่ที่ เมื่อ อสม. ส่งข้อมูลไป และ 1600 ให้คำปรึกษาเรียบร้อยแล้ว อสม. สามารถที่จะเข้าระบบแอป รับรู้ด้วยว่า ผู้สูบบุหรี่คนนั้นสามารถเลิกได้แล้วหรือยัง เพราะฉะนั้นตรงนี้ดูการเชื่อมโยงกัน สามารถที่จะดูผลได้ ถ้า อสม. ไปเยี่ยมบ้าน ก็สามารถที่จะดูผลข้อมูลได้ ก็จะเป็นการเพิ่มเติมกัน ถ้าทาง 1600 มีการโทรแล้ว ทาง อสม. ก็จะมีการกระตุ้นได้ ดังนั้นการเยี่ยมเยียนของทาง อสม. คือการเสริมกำลังใจเพิ่มเข้าไป โอกาสที่เมืองไทยจะมีอัตราการเลิกบุหรี่ลดลง เศรษฐกิจจะดีขึ้น เพราะว่าไม่ต้องเสียเงินมาก ก็จะเป็นสิ่งที่ดี เป็นความสำเร็จ เพราะฉะนั้นกระบวนการส่งต่อ และดูผลตามระยะเวลาจริงๆ ก้เป็นความภูมิใจของเรา ก็มั่นใจว่า ถ้าร่วมด้วยช่วยกันนี้ ความสำเร็จตามเป้าหมาย แผนควบคุมยาสูบแห่งชาติก็จะเป็นจริงได้ เริ่มต้นมองและสรรหาคนอยากเลิกบุหรี่ เราจะเริ่มต้นวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ค่ะ”