xs
xsm
sm
md
lg

โควิดรายใหม่พุ่งอีก 111 ราย มาจากอินโดนีเซีย 42 ราย ทำสตูลถูกตีแตกเจอรวดเดียว 16 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้ป่วยโควิดรายใหม่กลับมาพุ่ง 3 หลัก รวม 111 คน เผยสาเหตุยอดสูงขึ้นมาจากคนกลับจากพิธีดาวะห์อินโดนีเซีย ถึง 42 ราย ทำสตูลถูกตีแตกมีผู้ป่วยครั้งแรกถึง 16 ราย ส่วนการติดเชื้อภายในประเทศอยู่ที่ 69 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3 ราย เป็นคนต่างชาติทั้งหมด ผู้ป่วยสะสม 2,369 ราย เสียชีวิตรวม 30 ราย รักษาหาย 888 ราย รับกลุ่มกลับจากต่างประเทศต้องเฝ้าระวังเข้ม ส่วนคนในชาติยังต้องร่วมกันอยู่บ้านหยุดเชื้อ



วันนี้ (8 เม.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวัน ว่า วันนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 111 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รักษาหายเพิ่ม 64 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสม 2,369 เสียชีวิตรวม 30 ราย รักษาหายรวม 888 ราย สำหรับผู้เสียชีวิตได้แก่ 1. ผู้ป่วยชายรัสเซีย อายุ 48 ปี มีประวัติเดินทางไป จ.ภูเก็ต ช่วงวันที่ 18-21 มี.ค. และเริ่มป่วยวันที่ 22 มี.ค. ขณะเดินทางกลับพัทยา เข้ารับการรักษาครั้งแรกวันที่ 25 มี.ค.ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในชลบุรี  อาการไข้ 38.4 องศาเซลเซียส ไอ้ เจ็บคอ ไม่ได้แอดมิต แต่กลับไปแยกตัวเองที่บ้าน และเสียชีวิตวันที่ 5 เม.ย.

2. ผู้ป่วยชายสัญชาตอินเดีย อายุ 69 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว มีประวัติโรคเบาหวาน โรคหัวใจ เริ่มป่วยวันที่ 17 มี.ค. เข้ารับการรักษา รพ.เอกชนใน กทม. วันที่ 21 มี.ค. ป่วยด้วยอาการไข้ 39.3 องศา มีไอ น้ำมูก ปวดกล้ามเนื้อ และถ่ายเหลว และย้ายเข้าแผนก ไอ.ซี.ยู.ในวันเดียวกัน และส่งตัวเข้า รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในวันที่ 29 มี.ค. ต่อมาอาการผู้ป่วยไม่ดีขึ้น และเสียชีวิตวันที่ 7 เม.ย. และ 3.ผู้ป่วยชายอเมริกัน อายุ 69 ปี มีโรคไตเรื้อรัง เริ่มป่วย 9 มี.ค. อาการไอ ปวดกล้ามเนื้อ หายใจลำบาก เข้ารับการรักษา รพ.แห่งหนึ่ง จ.บุรีรัมย์ วันที่ 21-22 มี.ค.มีอาการหายใจหอบเหนื่อยมากขึ้น วันที่ 23 มี.ค.ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตวันที่ 7 เม.ย.

“ทั้ง 3 รายเป็นคนต่างชาติทั้งสิ้น วันนี้ที่อยากจะพูดเป็นประเด็นคือเราต้องเชื่อมโยงกับคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศและชาวต่างชาติถึงเป็นสาเหตุของวันนี้ ตัวเลข 3 หลักไม่อยากจะเจอแต่ก็ต้องเจอ ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่าเป็นผู้ป่วยที่ตรวจพบจากการกลับจากประเทศอินโดนีเซียถึง 42 ท่านในกลุ่มก้อนเดียวกัน ส่วนผู้ป่วยภายในประเทศยังเป็น 2 หลัก คือ 69 ราย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากผู้ป่วยรายใหม่ 111 ราย พบว่า เป็น 1. กลุ่มสัมผัสผู้ป่วยรายก่อนหน้า 37 ราย 2. ผู้ป่วยรายใหม่ 11 ราย เป็นคนไทยกลับจากต่างประเทศ 2 ราย ไปสถานที่ชุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 3 ราย อาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในที่แออัด ทำงานใกล้ชิดชาวต่างชาติ 4 ราย บุคลากรด้านการแพทย์ 2 ราย 3. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 21 ราย และ 4. ผู้ป่วยที่มาจากอินโดนีเซีย 42 ราย 

“แม้ท่านจะยืนยันว่าก่อนมามีใบรับรองแพทย์ บินขึ้นมาแล้ว ก่อนมาอาจจะไม่มีไข้ แล้วมาป่วยพอดีตอนลงเครื่อง เมื่อตรวซ้แล้วไม่สบายเราก็นำเข้ามารับการดูแล ตัวเลขตัวนี้ทำให้ตัวเลขรวมขึ้นไปเป็น 111 ราย แต่เมื่อวานไม่ได้เป็นแค่การมาจากอินโดนีเซีย มีที่อื่นด้วยจากกาตาร์ เกาหลีใต้ ก็นำมาตรวจด้วย แต่ผลยังไม่ทันออก แต่เบื้องต้นคนมาจากเกาหลีใต้ 57 คน ไม่ผ่านการตรวจคัดกรองถึง 8 คน ส่ง รพ.ในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งต้องติดตามอีกว่ามีผลยืนยันห้องปฏิบัติการหรือไม่” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวเลขที่จะเห็น จะมีพี่น้องที่กลับจากต่างประเทศมากขึ้น จะเป็นกลุ่มก้อนใหม่ที่เราต้องเฝ้าระวังอย่างที่เราเจอ 42 ท่าน แต่อย่าไปรังเกียจรังงอน เพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน แต่อีกกว่า 60 ล้านที่อยู๋กับบ้าน เพราะผู้ป่วยทั้งหมดเข้าสู่ รพ.ในส่วนของการดูแลอย่างดี คนอื่นๆ ที่กำลังบินเข้า บินเข้ามาแล้วก็ไปอยู่ที่สเตทควอรันทีน เราขีดวงชัดเจนในการดูแล 24 ชั่วโมงว่า 14 วันนี้ไม่มีไข้แล้วกลับไปอยู่ครอบครัวตามปกติ แต่กลุ่มที่อยู่ที่บ้านต้องดูแลตัวเองอีกกว่า 60 ล้านคน ใช้พื้นที่ในบ้านของตนเองให้มากที่สุด อย่าออกไปข้างนอก อย่าไปแพร่เชื้อ อย่าไปเพิ่ม เพราะตัวเลข 69 คน ก็ยังอยู่ในประเทศเช่นกัน กลุ่มนี้เราก็ต้องลดลงต้องช่วยกัน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศ 2,369 ราย กระจายรักษาใน 67 จังหวัด เป็น กทม. 1,223 รายนนทบุรี 141 ราย ภูเก็ต 140 ราย ส่วนจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยลดลงเหลือ 10 จังหวัด คือ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พังงา พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง โดยสตูลที่ถูกตีแตก เนื่องจากมีผู้ป่วยรายงานครั้งแรก มาจากกลุ่มกลับจากอินโดนีเซีย 16 ราย อย่างไรก็ตาม ต้องให้กำลังใจ กทม. นนทบุรี และภูเก็ต ในการช่วยลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบอัตราการป่วยต่อจำนวนประชากร พบว่า ภูเก็ตสูงสุด คือ 33.9 ต่อแสนประชากร  กทม. 21.6 ต่อแสนประชากร  ที่ต้องแยกตัวเลขนี้ก็เพื่อจะได้มีมาตรการแยกเฉพาะของจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ภูเก็ตมีการขัดวงที่มีผู้ป่วยแล้วเอาคนอยู่ใกล้มาตรวจ ไปเก็บตรวจประมาณ 2 พันคนใน 1 วัน ตัวเลขจึงพุ่งพรวดมา เพราะไปทำการเอกซเรย์ทุกพื้นที่ ทำให้ไปเจอคนที่ติดเชื้อ วิธีการเหล่านี้จะต้องเดินหน้าไปเรื่อยๆ ที่ภูเก็ต เพื่อลดอันดับ 1 ลงมาให้ได้ 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจำนวนผู้ป่วยใน กทม.และต่างจังหวัด การกลับมาจากอินโดนีเซีย ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นมาสูงมาก ส่วนจังหวัดที่มีผู้ป่วยรายแรกจากการวิเคราะห์ส่วนใหญ่มาจากเดินทางมาจาก กทม. ซึ่งเป็นกลุ่มสนามมวย บางส่วนมาจากการเดินทางกลับจากต่างประเทศ




















































กำลังโหลดความคิดเห็น