นักวิจัย มรภ.หมู่บ้านจอมบึง พัฒนากระบวนการฟรีซดรายเอนไซม์โปรติเอส จากผลและเหง้าจากสับปะรด พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่อยอดจากเอนไซม์ เพื่อเพิ่มมูลค่าสับปะรดให้วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกสับปะรดในจังหวัดราชบุรี
ดร.ครองศักดา ภัคธนกนก อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จ.ราชบุรี เปิดเผยถึงงานวิจัยเพื่อพัฒนาการผลิตเอนไซม์สับปะรดประสิทธิภาพสูงด้วยเทคโนโลยีการทำแห้งเยือกแข็ง (Freeze dry) ว่า ปัจจุบันเราสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง freeze dry ได้ง่ายกว่าแต่ก่อน งานวิจัยได้นำผลผลิตเอนไซม์ไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลสุขภาพอย่างผงบำรุงฟัน สบู่เอนไซม์สับปะรด ผงขัดผิวและผงหมักเนื้อนุ่มได้สำเร็จ โดยในกระบวนการผลิตนั้นได้ใช้เทคนิคหีบเนื้อสับปะรดแทนการคั้นหรือบด และ freeze อย่างช้าๆ ที่อุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อแยกโพลีแซคคาไรด์ออก จากนั้นทำการ dry ผสมกับสารพยุงและสารป้องกันการจับตัวเป็นก้อนชนิดเกรดอาหาร ที่อุณหภูมิ -80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 48 ชั่วโมง จนได้ผงเอนไซม์โปรติเอสที่มีกิจกรรมเท่ากับ 3 U/mg หรือประมาณ 3 ล้าน U/kg ซึ่งเป็นปริมาณสูงมากกว่าที่จำหน่ายในตลาดสารปรุงแต่งอาหารทั่วๆ ไป ที่สำคัญก็คือ ในกระบวนการผลิตไม่มีการใช้สารเคมีอันตรายใดๆ และวัตถุดิบที่นำมาใช้เป็นสับปะรดมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ SDGs-PGS-จังหวัดราชบุรี ของคุณเดชไชยพัฒน์ มูลทองชุน จากไร่ DCP Farm ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านคา
ดร.ครองศักดา กล่าวว่า ปัจจุบันนักวิจัยเชิงพื้นที่จาก มรภ.หมู่บ้านจอมบึง ได้ส่งเสริมให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกสับปะรด มีทักษะในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยและมีความเป็น Niche Market มากขึ้น โดยนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาและต่อยอด ล่าสุด ได้มีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจำนวน 4 ชนิด ได้แก่ ผงบำรุงฟันภายใต้ชื่อ Bromedent สบู่เอนไซม์สับปะรดภายใต้ชื่อ Ainthira Soap ผงขัดผิวกายภายใต้ชื่อ Ainthira Skin Clear และผงทำเนื้อนุ่ม โดยหัวหน้าแผนงานวิจัย ผศ.ดร.ชฎาพร โพคัยสวรรค์ ได้ผลักดันและขับเคลื่อนกระบวนการทำงานจนประสบความสำเร็จภายในเวลาเพียง 6 เดือน ที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากฝ่ายบูรณาการวิจัยและความร่วมมือพัฒนาเชิงพื้นที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จนได้มีการทดลองตลาดและจำหน่ายจริงผ่านช่องทาง Online/Offline รวมไปถึงการออกงาน Road Show ในระดับจังหวัดและระดับประเทศ สร้างรายได้ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนไม่น้อยกว่าเดือนละ 8,000-10,000 บาท ที่สำคัญ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ยังได้นำตัวผลิตภัณฑ์ผงบำรุงฟัน Bromedent ไปใช้ในการจัดทำแผนธุรกิจและสามารถนำแผนธุรกิจดังกล่าวไปเข้าแข่งขันในเวทีระดับชาติ ในโครงการประชารัฐเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชน และ SMEs