ราชบุรี - เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเร่งดับไฟป่า ในเขตพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ซึ่งไฟลุกไหม้พื้นที่ป่ารวม 3 วัน 3 คืน มีพื้นที่ป่าเสียหายไปแล้ว 2 พันกว่าไร่
วันนี้ (9 มี.ค.) นายมนตรี โภคานิตย์ ปลัดป้องกันอำเภอบ้านคา จ.ราชบุรี และเลขานุการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อ.บ้านคา ได้ประสานขอกำลังพลจิตอาสาของหน่วย ร่วมกับกำลังพลหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ ชุดกิจการพลเรือนที่ 1206 (กองพลพัฒนาที่ 1) อาสาสมัครสังกัดกองร้อยอาสา รักษาดินแดน อ.บ้านคา ที่ 11 หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.3 อ.ปากท่อ ราษฎรอาสาพิทักษ์ป่า และประชาชนจิตอาสาในพื้นที่
ตลอดจนกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน กว่า 60 นาย เพื่อเข้าควบคุมไฟป่าที่ยังลุกลามอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน พร้อมทำแนวกันไฟป่า รวม 3 วัน 3 คืน โดยไฟป่าได้เผาผลาญพื้นที่ป่าเสียหายไปแล้ว 4 ตารางกิโลเมตร หรือ 2 พันกว่าไร่
ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากมีกิ่งไม้ และใบไม้แห้งทับถมอยู่มากจากปัญหาภัยแล้ง จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ไฟลุกตามผิวดินและกระแสลมแรง ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว เป็นอันตรายต่อไม้ทุกชนิด และเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในบริเวณดังกล่าวด้วย ซึ่งทางศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อ.บ้านคา ได้ให้ทางหน่วยราษฎรอาสาพิทักษ์ป่า ได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและคอยแจ้งเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไฟป่าลุกลามขึ้นอีก
นายมนตรี โภคานิตย์ ปลัดป้องกันอำเภอบ้านคา เปิดเผยว่า โดยการดำเนินการของนายฑรัท เหลืองสะอาด นายอำเภอบ้านคา ได้อำนวยการสนธิกำลังระหว่างหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.3 พุยาง รบ.1 หน่วยควบคุมไฟป่า สมาชิกกองรักษาดินแดน สังกัดกองร้อยรักษาดินแดน จ.ราชบุรี ฝ่ายความมั่นคงบ้านคา และอุทยานเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ได้บูรณาการเข้าดับไฟป่าในเขตพื้นที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ในหมู่ที่ 1 ต.บ้านบึง บริเวณเขาต้นไทร หรือหกทรัพย์ตัวหนอน จากการปฏิบัติวันนี้ได้จัดทำแนวป้องกันไฟ โดยใช้เครื่องเป่าลม และมือตบหรือลาโคล่ ใช้บุคลากรทั้งหมดวันนี้เกือบ 60 นาย โดยการปฏิบัติวันนี้เป็นวันที่ 3 ต่อเนื่อง ซึ่งไฟได้ลุกลามไหม้ในเขตอุทยานเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน เริ่มมาตั้งแต่ หมู่ 4 หมู่ 3 หมู่ 10 และหมู่ 1 ต.บ้านบึง ในการปฏิบัติช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ได้สกัดตีเขตแนวไฟไม่ให้ลุกลามไป โดยการจัดทำแนวกันไฟ และสามารถควบคุมไฟป่าให้อยู่ในวงจำกัดได้ตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งในช่วงนี้อยู่ในช่วงเฝ้าระวังไฟที่จะข้ามแนวเขตกันไฟมาหรือไม่
หากพบว่าไฟยังข้ามแนวเขตกันไฟ ก็จะประสานรถน้ำเข้ามาเตรียมพร้อมไว้ในการดับไฟป่า และสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง คือแนวเขตพื้นที่ของเกษตรกร ระหว่างเขตป่าอุทยานกับเขตพืชไร่สับปะรดของประชาชนซึ่งในปีนี้มีราคาสูง กิโลกรัมละ 12 บาท จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบเร่งจัดทำแนวป้องกันไฟและเฝ้าระวังในวันนี้
ด้าน นายสุชาติ บัวบาง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.3 อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันดับไฟป่าและทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง บางพื้นที่เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าวันละหลายกิโลเมตรเข้าพื้นที่สูงชัน ดังนั้นในการควบคุมเพลิงจึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ในการทำงาน โดยสำคัญอย่างยิ่งคือ เครื่องเป่าลม ที่ช่วยทำแนวกันไฟและสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลาม ตลอดจนต้องมีอุปกรณ์หน้ากากที่เหมาะสมต่อภารกิจเพราะเจ้าหน้าที่ต้องอยู่ท่ามกลางหมอกควัน และสัมผัสโดยตรงกับหมอกควันขณะทำงานตลอดเวลา
รวมถึงเสบียงอาหารสำหรับการใช้ชีวิตต่อเนื่องในป่า แต่ทั้งหมดนี้ยังคงขาดแคลน โดยปัจจุบันนี้ทางเจ้าหน้าที่มีเครื่องเป่าลมแล้วจำนวน 50 เครื่อง แต่ยังไม่เพียงพอต่อบุคลากรเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า เนื่องจากงบประมาณของรัฐมีจำกัด จึงอยากเชิญชวนประชาชนผู้สนใจร่วมบริจาคเครื่องเป่าลมในการเข้าดับไฟป่า ตลอดจนอุปกรณ์ในการดับไฟป่า รวมถึงเสบียงอาหาร โดยท่านที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ นายสุชาติ บัวบาง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ. 3 อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี โทร.08-1995-7643