"อนุทิน" เผยอุบัติเหตุ 2 วันช่วงปีใหม่ มาจากดื่มแล้วขับมากสุด รพ.น่านเผยเคสวัยรุ่นหญิงอายุ 17 ปี เมาขี่ จยย.วูบลงข้างทาง อาการดีขึ้น เจาะเลือดตรวจหาแอลกอฮอล์แล้ว ตร.จ่อเอาผิดแฟนหนุ่มและพี่สาวแฟน ฐานให้เด็กดื่มสุรา พร้อมใช้มาตรการชุมชน จับเข้าเลิกเหล้าตลอดชีวิต
วันนี้ (29 ธ.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถิติอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตรายปีใหม่ 2563 โดยสถิติ 2 วัน เกิดอุบัติเหตุรวม 974 ครั้ง เสียชีวิตรวม 109 ราย บาดเจ็บรวม 993 คน ว่า ตนได้รับรายงานข้อมูลอุบัติเหตุในช่วง 7 วันอันตรายปีใหม่ 2563 สาเหตุของอุบัติจากการดื่มแล้วขับสูงสุดถึงร้อยละ 33 จึงขอย้ำให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) โรงพยาบาลทุกแห่งร่วมมือกับตำรวจในพื้นที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่อย่างเข้มงวด หากเกิดอุบัติเหตุหรือทำให้มีผู้บาดเจ็บมีโทษจำคุก 10 ปี และปรับสูงสุด 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จะสืบถึงต้นตอ ผู้จำหน่าย ผู้ให้ หรือผู้ปกครองรู้เห็นเป็นใจ จะมีความผิดร่วม
นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับกรณี จ.น่าน ที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 เกิดอุบัติเหตุ รพ.น่านได้รับรักษาพร้อมดำเนินการตรวจหาแอลกอฮอล์ในเลือด พบมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนด จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับกับตัวเยาวชน รวมถึงผู้ที่ให้เยาวชนดื่มสุรา ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผอ.รพ.น่านด้านบริการปฐมภูมิ กล่าวว่า รพ.น่าน ได้รับตัวเยาวชนหญิงอายุ 17 ปี และแฟนหนุ่มอายุ 21 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุจักรยานยนต์ล้ม อยู่ในอาการหมดสติ และลมหายใจมีกลิ่มแอลกอฮอล์เข้ารับการรักษาที่ รพ.น่าน จึงเจาะเลือดตรวจหาระดับแอลกอฮอล์ตามนโยบายและประสานตำรวจสอบหาผู้จำหน่าย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า เยาวชนหญิงอายุ 17 ปี ไปดื่มสุราที่บ้านพี่สาวของแฟนหนุ่ม หลังจากนั้นได้ขับขี่กลับบ้านโดยเยาวชนหญิงอายุ 17 ปีเป็นผู้ขับ และมีแฟนหนุ่มซ้อนท้าย จนเกิดอุบัติเหตุขึ้น ดังนั้น เยาวชนรายนี้ต้องถูกดำเนินคดีในความผิดฐานขับขี่รถโดยประมาท และแฟนอายุ 21 ปี รวมถึงพี่สาวแฟนมีความผิดฐานสนับสนุนให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องถูกดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 แต่ไม่สามารถเอาผิดร้านค้าตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ในฐานขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีได้ เพราะตัวพี่สาวแฟนเป็นผู้ซื้อ ซึ่งมีอายุเกิน 20 ปีแล้ว
นพ.พงศ์เทพ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยเยาวชนรายนี้ขณะนี้แพทย์ได้ทำการรักษาจนพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ต้องติดตามประเมินอาการทางสมองต่อไป ส่วนเรื่องของการดำเนินคดีจะเป็นหน้าที่ของทางตำรวจ ส่วนผลตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดซึ่งต้องส่งไปที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เชียงใหม่ จะทราบใน 1-2 สัปดาห์ ก็จะนำไปใช้ประกอบสำนวนคดีของตำรวจต่อไป ทั้งนี้ ย้ำว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากดื่มปริมาณมาก ร่างกายจะเหมือนถูกดับสวิตช์ลง โดยหากปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดอยู่ที่ 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ อาจจะยังสตาร์ทรถได้ แต่เมื่อขับไป แอลกอฮอล์ถูกดูดซึมมากขึ้น จนเกิน 180-200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ร่างกายจะเหมือนถูกสับคัตเอาต์ก็จะวูบลงข้างทางเลย ซึ่งหากลงข้างทางที่เป็นหญ้าหรือกรณีนี้ลงกองดินก็อาจไม่ได้บาดเจ็บรุนแรงมาก แต่หากเป็นกำแพง ต้นไม้ เมาไฟฟ้า หรือมีรถสวนมาก็อาจอันตรายมากกว่านี้
"เมื่อก่อนเมื่อมีเยาวชนดื่มแล้วขับเกิดอุบัติเหตุ เราพยายามแจ้งไปยังตำรวจ โรงเรียน ท้องถิ่นในการจัดการ แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล ซึ่งเยาวชนเกิดเหตุมากถึง 25% หรือแม้กระทั่งการเจาะเลือดตรวจก็ไม่ค่อยกล้าทำ เพราะต้องประสานตำรวจเดินทางมาเซ็นอนุญาต และเมื่อก่อนก็จะเจาะเลือดเฉพาะเหตุที่มีคู่กรณีเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วส่วนใหญ่เป็นการเมาแล้วล้มเองหรือวูบเองโดยไม่มีคู่กรณี ซึ่งมีมากถึง 70% ส่วนใหญ่พอลงข้างทางหากไม่ตื่นขึ้นมาเองแล้วขับต่อ ก็มีคนมาส่งโรงพยาบาล แล้วก็เข้าระบบการรักษาฟรี ตำรวจก็ไม่ได้มาตรวจแอลกอฮอล์ เพราะค่าตรวจ 800 บาท ก็ไม่ได้มีงบตรวจ หากตรวจก็จะเป็นภาระงบประมาณโรงพยาบาล ทำให้คนรู้สึกว่าสามารถเมาแล้วขับได้เพราะระบบเอื้อให้เขาทำแบบนั้น และไม่เกิดการถูกลงโทษ แต่เมื่อมีนโยบายที่ชัดเจนทั้งจาก สธ.และสตช.และมีงบประมาณดำเนินการตรวจชัดเจน ก็ทำให้การดำเนินงานสะดวกขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดี สามารถดำเนินการเจาะเลือดตรวจได้ทุกราย โทร.หาตำรวจก็มาทันที" นพ.พงศ์เทพ กล่าว
นพ.พงศ์เทพ กล่าวว่า การเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้และมีบทลงโทษชัดเจน จะทำให้เกิดการเรียนรู้ว่า มีบทลงโทษ จะทำเช่นนี้อีกไม่ได้ อย่างเมื่อก่อนเกิดอุบัติเหตุประกันจ่าย เพราะไม่มีผลตรวจแอลกอฮอล์ แต่ตอนนี้มีผลชัดเจนแล้ว ประกันก็ไม่จ่ายได้ อย่างไรก็ตาม มีข้อตกลงภายในอ.เมือง จ.น่าน โดยคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ ว่า เมื่อเกิดเมาแล้วขับ และมานอน รพ.ผู้ใหญ่บ้านต้องมาเยี่ยม เพราะก่อนหน้านี้ถือว่าผู้ใหญ่บ้านต้องไปเตือนแล้ว ดังนั้น ใครเมาแล้วขับ ถือว่าควบคุมตัวเอง ก็จะให้เข้ารับการบำบัดเลิกเหล้าตลอดชีวิต ถือว่าเป็นมาตรการชุมชนเป็นข้อตกลงภายในอำเภอ ซึ่งมาตรการเช่นนี้จะทำให้คนที่ยังอยากดื่มก็ต้องดื่มอยู่ภายในบ้าน บีบกระตุ้นให้คนปฏิบัติตามกฎหมาย สำหรับช่วงวันแรกของ 7 วันอันตราย จ.น่านมีผู้เสียชีวิตถึง 3 รายแล้ว ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมามาก เพราะปีที่ผ่านมา ทั้ง 7 วันมีผู้เสียชีวิตเพียง 2 ราย