"อนุทิน" เปิดทางเครือข่าย 686 องค์กรฟ้องศาล ยัน สธ.ไม่ต้องยื่นตีความมติ เหตุยืนยันให้แบนอยู่แล้ว ไม่เคยกลับมติ ซัดยืดแบนสารพิษซ้ำซากเท่ากับทำงานไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่ แจงรัฐไม่มีหน้าที่เยียวยาผู้ประกอบการนำเข้าสารพิษ ซัดรู้อยู่ว่าจำกัดการใช้ ก็ไม่ควรนำเข้า ด้าน สธ.ทำหนังสือถึงประธานบอร์ดวัตถุอันตราย ยืนยันมติเดิมแบนสารพิษ
วันนี้ (4 ธ.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและประธานคณะกรรมการวัจถุอันตราย ออกมาเปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายเห็นชอบให้ยืดการแบนสารเคมีพาราควอตและคลอร์ไพรีฟอส และจำกัดการใช้สารไกลโฟเซตตามเดิม ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. แค่รับทราบรายงานการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายเท่านั้น ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ฝากอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อถามถึงกรณีนายสุริยะ ให้สัมภาษณ์ว่านายกฯ เห็นชอบให้มีการยืดการแบนสารเคมี เพราะรัฐไม่มีเงินจ่าย นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่คิดว่าคงไม่เกี่ยวข้องกันกับเรื่องเงิน มีตรงไหนที่เขียนไว้ว่ารัฐจะต้องเข้าไปรับผิดชอบกำจัดสารพิษ หรือเยียวยาผู้ประกอบการที่นำเข้าสารพิษ เพราะผู้ประกอบการตัดสินใจนำสารพิษมาขายก็ต้องรับผิดชอบ การทำธุรกิจมีความเสี่ยง มีหน้าที่ไหนที่รัฐต้องไปรับผิดชอบ อย่าง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็บอกอยู่แล้วว่า จำกัดการใช้ ถ้าจำกัดแล้วยังนำเข้ามาเพิ่มเรียกว่า จำกัดหรือไม่ เพราะสารพิษทั้งสามชนิดอันตรายแน่นอน ไม่มีคนไหนบอกไม่เป็นอันตราย แต่ยืดหยุ่นออกไปอีก 6 เดือน ก็เท่ากับเราไม่มีประสิทธิภาพการทำงานหรือไม่ เพราะยืดมา 2 ปีแล้วยังจะยืดอีก ยืนยันว่ารัฐไม่ได้มีหน้าที่ไปทดแทน และไม่ต้องไปทดแทนด้วยกับคนที่เอาสิ่งเป็นโทษ อันตรายต่อสุขภาพประชาชนในรัฐนั้นมาใช้
ถามต่อว่าต้องมีการพูดหรือเคลียร์กับนายสุริยะหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ต้องเคลียร์ เพราะไม่ได้ถือว่ามีความขัดแย้งอะไร แต่ละคนก็รับผิดชอบแต่ละกระทรวงที่มีเป้าหมายอาจจะต่างกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับ สธ.อะไรก็ตามอันตรายต่อสุขภาพไม่ต้องมาคุยกัน ใครจะได้ประโยชน์ทางธุรกิจ ทางรายได้ ทางทุ่นแรงแค่ไหน แต่ถ้าต้องสังเวยด้วยชีวิตและสุขภาพ ตนไม่แลกด้วย ก็ยืนยันได้แค่นี้ ตนก็มีอยู่แค่นี้ ถ้าตนเป็นประธานหรือมีอำนาจเองก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อไปโหวตร่วมกับเขา เราก็ทำหน้าที่ได้เต็มที่แล้ว ก็บอกสุดซอยแล้ว
เมื่อถามว่า สธ.จะยื่นตีความมติวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมาหรือไม่ ว่าไม่ได้มีการลงมติ เพราะทางเครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษอันตราย 686 องค์กร รออยู่ว่าหากมีการตีความก็จะไม่ฟ้องศาล แต่หากไม่มีการตีความก็จะฟ้องนายสุริยะต่อ 2 ศาล นายอนุทิน กล่าวว่า เครือข่ายก็สามารถฟ้องได้ ส่วน สธ.ก็ทำหน้าที่ขอบเขตของกระทรวง ไม่ใช่หน้าที่เรายื่นตีความ เพราะ สธ.เป็นตัวแทนในคณะกรรมการ 2 คน ซึ่งยืนยันว่าเราไม่ได้หนุน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตีความ แต่ถ้าประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายครั้งต่อไปที่จะต้องมีการรับรองรายงานการประชุม ก็ต้องขอดูก่อนว่าเขียนไว้อย่างไร หากเขียนว่าเป็นเอกฉันท์ เราโต้แย้งแน่นอน เพราะเราไม่ได้เห็นด้วย แต่หากบอกว่าเป็นเสียงข้างมากก็ต้องดูว่าเสียงข้างน้อยมี สธ.ด้วยหรือไม่ และเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เราก็มาทำเรื่องป้องกัน การรักษา และให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอันตรายต่อไป ย้ำว่าไม่ได้ปล่อยให้เครือข่ายสู้อย่างเดียวดาย เพราะ สธ.ก็สู้สุดซอยอยู่ มีการขึ้นป้ายทั่วประเทศ เอารูปคนที่ป่วยมาให้ดู ทำในสิ่งที่รับผิดชอบไปแล้ว แต่เมื่อกฎหมายระบุว่าให้ทำในรูปแบบคณะกรรมการ เมื่อโหวตออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับ
ถามต่อว่ามีมติแบนสารเคมีออกมาเพียงไม่นานก็มีการกลับมติ จะมีเบื้องลึกเบื้องหลังหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราย แต่ สธ.ไม่กลับมติแน่นอน แต่ไหนแต่ไรมา สธ.ก็ไม่เคยสนับสนุน เรายืนกรานอยู่แล้ว เราไม่ใช่ผู้กลับมติ อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมผู้บริหาร สธ. นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ.ได้รายงานว่า ทำหนังสือท้วงติงไปไปที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย แต่ตนไม่ทราบรายละเอียดว่า ท้วงติงเรื่องใด เพราะตนไม่ได้ออกคำสั่ง เป็นการดำเนินงานตามพันธหน้าที่อยู่แล้ว
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ยืนยันว่าผู้แทน สธ. 2 คน ได้ยืนยันในที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ว่า สธ.ขอให้ยืนยันให้แบน 3 สารเคมีตามมติเดิมเมื่อวันที่ 22 ต.ค. และได้ทำหนังสือถึงท่านประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ผ่านทางเลขานุการคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา เรื่องการยืนยันมติเดิม ไม่ใช่การขอให้ตีความมติใหม่ ทั้งนี้ ยินดีให้มีการเปิดเผยเทปการประชุมครั้งล่าสุด แต่ถ้าจะเปิดขอให้เปิดตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ควรเปิดเพียงบางช่วงบางตอนเพราะจะทำให้เกิดการตีความผิดได้ เพราะวันนั้นมีการประชุมกันนานถึง 4 ชั่วโมง จะมีว่าใครพูดอะไร อย่างไร เข้าใจว่าในการสรุปการประชุมจะมีรายละเอียดว่าใครพูดอะไร ซึ่งจะเป็นเอกสารอ้างอิงได้ ก็ขอให้บันทึกให้ครบถ้วน อย่าตัดเอาตอนใดตอนหนึ่งมาเท่านั้น