“ผอ.ไบโอไทย” ไม่หวั่น “สุริยะ” ขู่ฟ้อง ชี้เป็นสิทธิทำได้ แต่มั่นใจศาลให้น้ำหนักผลประโยชน์สาธารณะมากกว่า แจงหากกฤษฎีกาตีความให้มติ 27 พ.ย.มีผลทางกฎหมายเมื่อไหร่ฟ้องศาลปกครองทันที ผิดหวังนายกฯ เคยพูดเองห่วงสุขภาพประชาชน แต่มาวันนี้กลับทำเมิน เชื่อคงไฟเขียวคัดค้านการแบน 3 สาร
วันที่ 3 ธ.ค. 62 นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี (ไบโอไทย) ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน”
โดยนายวิฑูรย์กล่าวถึงกรณีที่เครือข่าย 686 องค์กรและผู้บริโภค เตรียมฟ้องนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ต่อศาลปกครองและศาลอาญา เนื่องจากประชุมบอร์ดวัตถุอันตรายล้มการแบนไกลโฟเซต ขัดต่อมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ที่ระบุชัดเจนว่า การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมการ ซึ่ง นายสุริยะ ให้สัมภาษณ์ว่ามติเอกฉันท์ แต่กรรมการหลายท่านออกมาเผยว่ายืนยันยึดตามมติเดิม 22 ต.ค.ให้แบน 3 สาร ต่อมาตัวแทนกระทรวงสาธารณสุขก็แถลงว่ากระทรวงสาธารณสุขยืนยันมติเดิม ที่ว่าเอกฉันท์นี่ไม่เป็นเอกฉันท์หรือเปล่า หลังจากนั้นก็ออกมาแก้ว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ แต่ตนก็ไม่เชื่อเพราะนอกจาก คุณจิราพร ลิ้มปานานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม และตัวแทนจากสาธารณสุขอีก 2 คน บวกกับตัวแทนจากคมนาคมที่อยู่ภูมิใจไทยอีก 2 เสียง และกระทรวงอื่น เช่นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ก่อนหน้านี้พูดชัดเจนว่าสนับสนุนการแบน จึงสงสัยว่าเป็นเสียงข้างมากจริงหรือเปล่า
นายวิฑูรย์กล่าวอีกว่า เหตุผลที่ใช้ในการทบทวนการลงมติถูกต้องหรือไม่ หลายเรื่องบิดเบือนเอาข้อมูลที่เคลือบแคลงสงสัยมา เช่นอ้างว่าเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน 75 เปอร์เซ็นต์ให้ทบทวนการแบน ซึ่งจากการตรวจคะแนนพบว่ามีการเพิ่มจากการไปรวบรวมประชาชน 2 กลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวคัดค้านการแบน มีการปลดล็อกให้ใช้ชื่อเดียวลงความเห็นได้หลายครั้ง และมีการระดมกันมาให้ความเห็น
นอกจากนี้ ข้ออ้างล้มการแบนไกลโฟเซต บอกว่าหลายประเทศและอเมริกายังใช้อยู่ ทั้งที่คนอเมริการวมตัวฟ้องศาลหลายคดี แล้วคดีที่ตัดสินแล้ว บริษัทแพ้ทั้งสิ้น ต้องจ่ายค่าเสียหายหลายหมื่นล้าน สถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติขององค์การอนามัยโลกก็วินิจแยแล้วว่าไกลโฟเซตเป็นสารก่อมะเร็ง แล้วจะมาบอกว่าไม่เป็นอันตรายได้อย่างไร นายสุริยะ เป็นรัฐมนตรีว่าาการกระทรวงอุตสาหกรรมบอกว่าไม่อันตราย ทั้งที่กระทรวงสาธารณสุขเชี่ยวชาญทำเรื่องนี้มา 2 ปีกว่าบอกว่าอันตราย เหตุผลจึงฟังไม่ขึ้น
นายวิฑูรย์กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางเครือข่ายฯจะรอความชัดเจนของหน่วยงานราชการก่อน ซึ่งคงจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ตีความว่ามติวันที่ 27 พ.ย. ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าตีความว่ามีผลตามกฎหมาย เราก็จะยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลปกครอง
หรือถ้าเขาเลือกทางไม่ปรึกษากฤษฎีกา แต่ให้ประชุมใหม่ แล้วรอบนี้ทำให้ถูกต้องตามข้อกฎหมายทุกอย่าง มีการลงมติให้ชัดเจนเลย ตนก็คาดว่าถ้าลงมติใหม่เสียงจะกลับไปเหมือนก่อน 22 ต.ค. ที่ไม่มีพรรคไหนกล้าบอกว่าให้ใช้ 3 สารต่อ เสียงอาจไม่ได้เป็นแบบที่ นายสุริยะ และนายเฉลิมชัย ต้องการ
ผอ.ไบโอไทยกล่าวอีกว่า ตนเป็นกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีโอกาสเห็นการแสดงความคิดเห็นของพรรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหลักการทุกคนเห็นด้วยกับการแบน 3 สาร แต่บางกลุ่มมีความเห็นให้ยืดเวลาออกไป จนถึงการตั้งคำถามว่าไม่มีสารทดแทนเพื่อนำไปสู่การไม่แบน น่าจะมีการคุยกันระดับหนึ่ง
ส่วนท่าทีนายกฯ หลังมติออกมา ทำเหมือนไม่มีตัวตน ทั้งที่พูดมาตลอดว่าเลือกสุขภาพประชาชน คำแถลงรัฐสภาก็ชัดเจน แต่ท้ายที่สุดเมื่อก้ำกึ่งแบบนี้ เราไม่เห็นสัญญาณต่อสาธารณะจากนายกฯ จึงอนุมานได้ว่าน่าจะไฟเขียว
กรณีนายสุริยะขู่ฟ้องกลับเครือข่ายฯ ตนเห็นว่าเป็นสิทธิที่จะปกป้องตัวเองของนักการเมือง ส่วนทางภาคประชาชนไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสิทธิปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ แล้วดูกันว่าเหตุผลในการฟ้องดำเนินคดี ศาลจะให้น้ำหนักใครมากกว่ากัน