มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จวกมติปล่อยผีสารพิษไม่ชอบธรรม จี้ รมต.ที่เกี่ยวข้องตอบคำถาม ยันต้องกลับไปใช้มติวันที่ 22 พ.ย.ที่ให้แบน 3 สารเคมี
วันนี้ (30 พ.ย.) น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวถึงมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ให้ยืดเวลาแบนพาราควอตและคลอร์ไพรีฟอสอีก 6 เดือน และจำกัดการใช้ไกลโฟเซต ว่า ตนไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว และขอตั้งคำถามว่ามันไม่ชอบธรรม และเป็นมติจริงๆ หรือไม่ เหตุผลเรื่องการไม่แบนฟังไม่ขึ้นเลย อย่างการให้จำกัดการใช้ไกลโฟเซต ก็ชัดเจนว่าเป็นอันตราย ไม่อย่างนั้นคงไม่ชนะคดีที่สหรัฐอเมริกาตั้งหลายคดี ดังนั้น เมื่อเป็นปัญหาแบบนี้ ข้ออ้างทั้งหลายในการยกเลิก หรือเลื่อนการแบนสารเคมีเหล่านี้ไม่น่าจะมีความชอบธรรม จึงเสนอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำงานไปข้างหน้า โดยให้มีหน่วยสนับสนุนเกษตรอินทรีย์ให้มากขึ้น ทำฉลากสินค้าเกษตรอินทรีย์ ให้ชัดเจนถึงแหล่งที่มาของอาหาร หรืออาหารต่างๆ มีการใช้สารเคมีมากน้อยแค่ไหน อย่างไร เหมือนกับที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำฉลากสินค้า ที่บอกว่ามีสารกันบูด มีวัตถุเจือปนอาหารอะไรบ้าง เป็นต้น และขอให้มีหน่วยงานสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ที่ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่าผลการประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ถือเป็นมติได้หรือไม่ เพราะไม่ทีการยกเลิกมติวันที่ 22 ต.ค. ที่ให้แบนสารเคมี วันที่ 1 ธ.ค.นี้ หรือจะทำให้มีปัญหาหรือไม่ น.ส.สารี กล่าวว่า คิดว่ารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต้องตอบคำถามเรื่องพวกนี้ให้ชัด เพราะมติเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ยังไม่ได้ออกประกาศ ซึ่งจริงๆ การประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา ควรเป็นการพิจารณารับรองประกาศที่จะออก แต่กลับเป็นการพิจารณามติที่ไม่ชอบ ซึ่งเหตุผลที่บอกว่ามีคนไม่เห็นด้วยเยอะกว่านั้น ตนคิดว่าตัวเลขนั้นก็ไม่ถูกต้อง เพราะการสำรวจที่ทำเป็นการถามความเห็นต่อประกาศ ไม่ใช่รับฟังความคิดเห็นต่อการยกเลิกสารเคมี ซึ่งจริงๆ มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในจำนวนใกล้เคียงกัน แล้วเอาตัวเลขของรายชื่อเกษตรกรที่ไม่เห็นด้วย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่หยิบรายชื่อประชาชนที่ให้แบนตั้ง 6 หมื่นรายชื่อ ที่ลงใน change.org มาด้วย นั่นแสดงว่าคุณต้องการกลับมติ และถ้าดูจากการต่อสู้ของ รศ.ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ก็เห็นชัดว่าไม่ได้มีการลงมติที่ชัดเจน เพราะมติวันที่ 27 พ.ย. ไม่ชอบธรรม ดังนั้นก็ต้องกลับไปใช้มติเมื่อวันที่ 22 ต.ค. คือการแบนสารเคมี ซึ่งกระทรวงเกษตรก็ต้องไปจัดทำประกาศให้ชัดเจน และมาพิจารณาประกาศเพื่อเดินหน้าเรื่องนี้ แม้ว่าถึงกำหนดวันที่ 1 ธ.ค. แล้วก็ตาม เลื่อนไป วัน 2 วันคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“สัปดาห์ที่แล้ว เสียงในรัฐสภา 423 ต่อ 0 บอกว่าเราจะมีเกษตรยั่งยืนในปี 2573 และให้แบน 3 สารนี้ แต่วันที่ 27 พ.ย. กลับบอกว่าให้ยืดการจะแบน 2 สาร เหลืออีกตัวไม่แบน แล้วพวกนี้คุณไม่ได้เป็นสมาชิกรัฐสภาหรือ ความไม่คงเส้นคงวาเหล่านี้เป็นปัญหามาก เรียกว่าคุณไม่เห็นเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้มองเป็นภาพรัฐมนตรีไปยืนเคียงข้างบริษัทสารเคมี เพราะคุณไม่เชื่อว่าเกษตรอินทรีย์ทำในระบบเศรษฐกิจได้ ซึ่งมีการทำเป็นรูปธรรมแล้ว แต่ไม่ถูกนำเสนอ และถ้าคุณยังยืนยันว่าจะเอาแบบนี้ก็ทำฉลากให้ชัดเจนแล้วเราจะทดสอบว่าสินค้ายี่ห้อไหนบ้างที่มีไกลโฟเซต เราจะทดลองไปเรื่อยๆ ให้มันรู้ไป อย่างน้อยเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค” น.ส.สารี กล่าว