“อนุทิน” เข้าใจ “สุริยะ” ไม่มีใครแย้งเลยคิดว่าเป็นมติ แต่ย้ำยุคนี้จะทำแบบนี้ไม่ได้ ต้องโหวตเพื่อความชัดเจน รับไม่กล้ามถามต้องทบทวนหรือไม่ แต่ควรไปหารือ ส่วนฝ่ายกฎหมายต้องไปตีความปล่อยผีสารเคมีถือเป็นมติหรือไม่ บอกไม่ต้องไม่ไล่หลังแบนสารพิษไม่สำเร็จ ควรไปไล่คนสนับสนุน ขู่หากเป็น รมต.เกษตร เด้งอธิบดีกรมวิชาการไปแล้ว
วันนี้ (29 พ.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณี รศ.ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม ลาออกจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการวัตถุอันตราย เพราะรับไม่ได้ที่ตกสถานะจำยอมรับมติปล่อยผีสารเคมี ว่าตรงนี้อย่าเพิ่งไปโทษใครเลย เพราะตนเพิ่งได้เจอนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ที่สภาเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ท่านบอกว่าเข้าใจว่าที่ท่านพูดในที่ประชุมไป แล้วไม่มีใครโต้แย้ง น่าจะเป็นมติได้ แต่จริงๆ แล้ว ตนมองว่าในยุคสมัยนี้ทำแบบนี้ไม่ได้ สมัยก่อนอาจจะทำได้ ตนจึงเรียนท่านไปว่าขอให้เอาความชัวร์ คือ ขอให้เป็นการโหวต อย่าไปเกรงใจ บางครั้งคนก็เกรงใจว่านี่เป็นระดับรัฐมนตรีเลยไม่มีใครพูด ใครเถียง ต่างคนต่างเกรงใจเลยเข้าใจผิดกัน แต่ถึงเวลาก็ต้องมีการโหวตให้ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าเช่นนั้นจะถือว่าวันที่ 27 พ.ย.นั้นเป็นมติได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปตีความ ถ้ามีคน เช่น อ.จิราพร ลาออกแล้วบอกว่าไม่มีมติแบบนี้ หากผมเป็นเลขานุการคณะกรรมการฯ ก็ต้องทำบันทึกถึงท่านประธาน ว่าจะมีการตีความอย่างไร เป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงเหมือนกัน เพราะถ้าตีความว่าการประชุมวันที่ 27 พ.ย.ไม่มีมติ จะทำให้มติของวันที่ 22 ต.ค.จะยังคงอยู่ ดังนั้นก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ทุกฝ่ายมีที่ปรึกษากฎหมายอยู่แล้ว ส่วน สธ.จะทำหนังสือขอให้มีการตีความหรือไม่นั้น คงต้องรอดูบันทึกรายงานการประชุมก่อน ทำอะไรอย่าไปหักหน้าเขา แต่ละคนสามารถมีความเข้าใจอะไรที่ต่างกัน แต่เป็นทีมเดียวกันทั้งนั้น
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากไม่มีการตีความเรื่องนี้ จะสามารถยอมรับมติยืดการแบนสารเคมีฯ ได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า สธ.บอกว่าไม่ได้มีการลงมติ เราไม่ต้องตีความ การประกาศมติ เป็นเรื่องของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ส่งเรื่องไปให้ประธาน และส่งเรื่องไปตามขั้นตอนที่กำหนด เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวกับ สธ.แล้ว เราเป็นแค่ผู้ร่วมเป็นกรรมการเท่านั้น ส่วน รศ.ภญ.จิราพร จะยื่นให้มีการตีความหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องของท่าน แต่อย่างที่บอกเราต้องเห็นใจนายสุริยะด้วย ที่บอกว่าเมื่อพูดแล้วไม่มีใครเห็นแย้งเลยทำให้เข้าใจว่าเป็นมติด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องดูว่าในการประชุมครั้งต่อไปกรรมการจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหรือไม่ เพราะในรายงานการประชุมต้องเขียนว่า สมมติว่ามีมติเป็นเอกฉันท์ แล้วมีใครโต้แย้งหรือไม่
“ที่เจอนายสุริยะเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ผมก็ไม่ได้ก้าวก่าย และไม่กล้าถามว่าจะมีการทบทวนเรื่องนี้หรือไม่ วันนี้เป็นประเด็นขึ้นมาท่านก็คงต้องไปหารือ เพราะอย่างที่บอกว่าวันที่ 1 ธ.ค.ซึ่งตามมติเดิมคือให้ยกเลิกการใช้สารเคมีเหล่านี้นั้น หากไม่ประกาศขึ้นมา แล้วไปอ้างว่าไม่ประกาศเพราะเป็นมติ วันที่ 27 พ.ย. แล้วทำให้มีคนไปร้องเรียนเดี๋ยวก็จะยุ่งอีก” นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามต่อว่า การประชุมครั้งหน้า สธ.จะเป็นคนโต้แย้งมติยืดการแบนสารเคมีหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คนเป็นกรรมการก็ต้องรักษาสิทธิของตัวเอง คนที่ลงคะแนนไปต้องรับผิดชอบ ซึ่งมีความรับผิดชอบทางกฎหมายอยู่ หากเขากลัวก็คงไม่ถาม แต่ถ้าเป็นตน ตนก็จะถาม
นายอนุทินกล่าวว่า สำหรับกรณีที่ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ระบุว่าจะมีการคืนกรมวิชาการเกษตรให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เพราะไม่สามารถดูแลได้นั้น ก่อนคืนก็ต้องมีการคุยกันก่อน จัดการปัญหาก่อน เพราะในการทำงานร่วมกันต้องมุ่งถึงความสัมฤทธิผลเป้าหมายที่ร่วมกัน ไม่อย่างนั้นต่างคนต่างคิดได้ ก็ไม่ต้องมีอธิบดี ไม่ต้องมีรัฐมนตรี แต่นี่มีสายงานบังคับบัญชากันอยู่ ส่วนถามว่าจะต้องเด้งอธิบดีก่อนหรือไม่นั้น ตนไม่มีสิทธิตรงนี้ แต่ถ้าตนเป็นรัฐมนตรีเกษตรฯ สิน่าดู ส่วนเรื่องที่จะไปกินข้าวกับ รมต.เกษตรฯ นั้นก็เป็นเรื่องปกติที่กินข้าวกันอยู่แล้ว นี่ไม่ได้เป็นปัญหาระหว่างรัฐมนตรี แต่เป็นปัญหาของ รมช.มนัญญา กับกรมวิชาการเกษตรมากกว่า เพราะ น.ส.มนัญญา บอกว่ามอบนโยบายอะไรไปก็ไม่ทำ ก็ต้องฟังเหตุผลว่าทำไมไม่ทำ ถ้าเหตุผลของการไม่ทำเพราะแค่จะไม่ทำก็ไม่ได้
วันเดียวกันนี้ นายอนุทินยังได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในที่ประชุมเสวนา “ผ่าทางตัน การใช้กัญชาเสรีทางการแพทย์” ว่าการยืดการแบนสารเคมีในภาคเกษตร 3 ชนิด คือ พาราควอต และคลอร์ไพริฟอส ออกไปอีก 6 เดือน และให้จำกัดการใช้ไกลโฟเซตนั้นยืนยันว่า สธ.ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว สารพิษก็คือสารพิษที่ไม่ควรมีการใช้ตั้งแต่ต้น คุณเอาของไม่ดีมา ก็ไม่ใช่หน้าที่ สธ.ต้องไปรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมการวัตถุอันตราย เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาไล่ตน แต่ควรไปไล่คนที่สนับสนุนมากกว่า และควรมาสนับสนุนเรา