อย.ชี้หลังบังคับใช้กฎหมายอาหารปลอด “ไขมันทรานส์” ม.ค. 62 หากพบลักลอบผสม มีบทลงโทษทั้งผู้ผลิต นำเข้า และจำหน่าย คุก 6 เดือนถึง 2 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท ด้านมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคหนุนออกประกาศเป็นผลดีต่อสุขภาพคนไทย
จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ. 2561 เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย น้ำมันที่มีการเติมสารไฮโดรเจนบางส่วน หรือ ไขมันทรานส์ และอาหารที่ใช้ไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ ม.ค. 2562 เป็นต้น
วันนี้ (17 ก.ค.) นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า การออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับดังกล่าว เป็นการออกประกาศภายใต้มาตรา 6 (8) ของ พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 ที่ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายได้ ซึ่งการออกประกาศในครั้งนี้ก็เพื่อยกเลิกการใช้น้ำมันที่มีการเติมไฮโดรเจนบางส่วนหรือที่เรียกว่า “ไขมันทรานส์” ในอาหารทั้งหมดของประเทศไทย ทั้งการผลิต นำเข้า และจำหน่าย ซึ่งให้เวลาผู้ประกอบการในการปรับเปลี่ยนสูตรการผลิตเป็นเวลา 180 วัน ซึ่งหากพ้น 180 วันดังกล่าวไปแล้วและกฎหมายมีผลบังคับใช้ หากยังพบว่า มีการใช้ไขมันทรานส์ในอาหารอยู่ก็จะมีบทลงโทษด้วย โดยจะเอาผิดทั้งผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จำหน่าย ตามมาตรา 50 พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน-2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท
ด้าน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) กล่าวว่า ประกาศฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้ใน 180 วัน คิดว่านานไป แต่ก็ต้องยอมรับและเป็นการให้โอกาสผู้ประกอบการในการเตรียมตัวที่จะเปลี่ยนสูตรในการผลิต โดยไขมันทรานส์มักพบอยู่ในขนมเค้ก ขนมอบกรอบ ครีมเทียม หรือเนยเทียม ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพทั้งโรคหัวใจ หลอดเลือด เมื่อเป็นโรคดังกล่าวจะมีความรุนแรงและมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง จึงคิดว่ามีความจำเป็นที่ต้องยุติการใช้ไขมันทรานส์ นอกจากนี้ เมื่อ เม.ย.ที่ผ่านมา มพบ. ได้แถลงผลทดสอบไขมันทรานส์ในโดนัท รสช็อกโกแลต จำนวน 13 ยี่ห้อ พบว่า มี 5 ยี่ห้อ ที่มีปริมาณไขมันทรานส์อยู่ในเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนด หลังจากนั้น มีผู้ประกอบการ 2 ราย ที่ มพบ. เผยผลทดสอบว่ามีไขมันทรานส์เกินมาตรฐาน ได้ทำจดหมายมาถึง มพบ. ว่าได้เปลี่ยนสูตรการทำโดนัทแล้ว
“เราสนับสนุน อย. ในการออกประกาศฉบับนี้ เนื่องจากเป็นผลดีต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ด้วยระยะเวลา 180 วัน น่าจะเพียงพอที่ผู้ประกอบการจะมีการปรับตัวและหันมาปรับปรุงสูตร อีกทั้งเมื่อผู้บริโภคตื่นตัวเรื่องไขมันทรานส์ ก็จะทำให้ผู้ประกอบการหันมาสนใจเรื่องนี้มากขึ้นและนำไปสู่การปรับปรุงสูตร ซึ่งจะเป็นผลดีกลับไปสู่ผู้บริโภคต่อไป นอกจากนี้ หลังออกประกาศไปแล้ว อย. ควรติดตามด้วยว่าผู้ประกอบการมีการทำตามระเบียบฉบับนี้มากเพียงใด” น.ส.สารี กล่าว
