อย.เผยผู้ประกอบการเริ่มปรับตัว ผลิตอาหารไร้ “ไขมันทรานส์” หลัง 9 ม.ค. 2562 เตรียมเฝ้าระวังเข้มงวด ห้ามมีการใช้ในการผลิตอาหารเด็ดขาด แต่ยอมรับอาหารบางประเภทอาจพบไขมันทรานส์ได้ จากการใช้วัตถุดิบที่มีไขมันทรานส์ตามธรรมชาติ
นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงการออกประกาสห้ามอาหารที่ผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์ ว่า อันตรายจากไขมันทรานส์เป็นปัญหาที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยองค์การอนามัยโลกถือเป็นวาระร่วมกันของทุกประเทศในการหาแนวทางแก้ไข ซึ่งไขมันทรานส์เป็นไขมันไม่อิ่มตัว สามารถพบได้ทั้งในธรรมชาติ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์เคี้ยวเอื้อง นม เนย ชีส และ เนื้อสัตว์ และจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนลงในน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ซึ่งจะพบไขมันทรานส์ได้ในอาหารสำเร็จรูปที่มีเนยเทียม หรือเนยขาวเป็นส่วนประกอบ เช่น โดนัททอด พัฟ พาย เพสตรี เค้ก คุกกี้ เวเฟอร์ เป็นต้น อันตรายจากไขมันทรานส์คือ ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลรวม คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีผลให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ลดลง ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
“จากการหารือร่วมกับผู้ประกอบการไขมันและน้ำมัน และผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อหาแนวทางในการลดหรือพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ ซึ่งไม่ใช้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนหรือไขมันทรานส์ ซึ่งผู้ผลิตน้ำมันและไขมันยืนยันถึงความเป็นไปได้ในการปรับสูตรและกระบวนการผลิตน้ำมันและไขมัน โดยใช้กระบวนการผสมน้ำมัน (Oil blending) แทน และผู้ผลิตอาหารได้พัฒนาและปรับปรุงสูตรส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อาหาร โดยไม่ใช้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนแล้ว” นพ.วันชัย กล่าว
นพ.วันชัย กล่าวว่า สำหรับประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ. 2561 เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป โดยกำหนดให้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนและอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบ เป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย รวมถึงการผลิตเพื่อการส่งออกด้วย ทั้งนี้ ไม่ได้ห้ามการตรวจพบไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์อาหาร เนื่องจากอาจมีการใช้วัตถุดิบที่มีไขมันทรานส์ตามธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ และภายหลังจากที่ประกาศฯ มีผลใช้บังคับ อย. จะดำเนินการตรวจสอบเฝ้าระวัง ณ สถานที่ผลิต สถานที่นำเข้า หรือสถานที่จำหน่ายอย่างเข้มงวด หากพบการฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ในส่วนของผู้บริโภคไม่ต้องตื่นตระหนก เนื่องจากผลิตภัณฑ์อาหารที่จำหน่ายในปัจจุบันได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยไม่ใช้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการไฮโดรเจนบางส่วนแล้ว
น.ส.สุภัทรา บุญเสริม ผู้อำนวยการสำนักอาหาร อย. กล่าวว่า เราคุยกับผู้ประกอบการส่วนใหญ่เข้าใจและปรับตัวแล้ว จริงๆ การใส่น้ำมันทรานส์ จะทำให้หืนน้อยลง ทำให้คงตัวมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีแทนที่มากมาย กลุ่มอุตสาหกรรมทราบกันดีอยู่แล้ว ซึ่งทั่วโลกก็ทราบและองค์การอนามัยโลกก็ออกประกาศเตือน ว่า การใช้ไขมันทรานส์ในอาหารเสี่ยงก่อโรคหัวใจ จึงหยุดใช้กัน รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งได้มีการแจ้งเตือนและหารือร่วมกับภาคธุรกิจต่างๆ ทั้งเบเกอรี่ ขนม พัฟ รวมทั้งผู้ผลิตน้ำมัน มา 2 ปีแล้ว และขณะนี้ก็ยังมีเวลาอีก 6 เดือน จึงจะบังคับใช้ ส่วนรายย่อยก็ไม่ต้องกังวล เพราะรายย่อยส่วนใหญ่ก็ต้องรับน้ำมันจากผู้ผลิตน้ำมัน ซึ่งปรับสูตรหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเทคโนโลยีอะไรมาแทนที่การผลิตที่เกิดไขมันทรานส์ น.ส.สุภัทรา กล่าวว่า ปัจจุบันจะเป็นการเติมไฮโดรเจนบางส่วน แต่ขณะนี้มีเทคโนโลยีมากมาย เช่น น้ำมันธรรมชาติมาผสมกัน ซึ่งผู้ประกอบการทั้งหลายทราบดี ปรับตัวกันหมด