“หมอสมาน” แจงมาตรการแจกเข็มฉีดยาลดติดเชื้อเอชไอวี ต้องรอปลดล็อกแก้ กม. ยาเสพติดก่อน เหตุกฤษฎีกาชี้มีความผิดฐานอำนวยความสะดวก ทำได้แค่แนะให้ใช้เข็มสะอาด ไม่ใช้เข็มร่วมกัน พ่วงใช้ถุงยางอนามัย ยาเพร็พ ในกลุ่มคนเสพเพื่อมีเซ็กซ์ ย้ำมาตรการแจกเข็มสังคมต้องยอมรับได้ก่อน เป้าหมายต้องชัดให้เฉพาะคนบำบัดแต่ยังเลิกไม่ได้ และต้องไม่ขัดกฎหมาย
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการกฤษฎีกาท้วงติงมาตรการแจกเข็มฉีดยาในการลดการติดเชื้อเอชไอวี ว่า เรื่องนี้ขอยืนยันก่อนว่าไม่ใช่มาตรการส่งเสริมการเสพยาเสพติด สิ่งสำคัญคือเรื่องนี้เป้าหมายต้องชัดเจน คือ คนที่อยู่ในขั้นตอนของการบำบัดรักษา แต่เลิกอย่างเด็ดขาดไม่ได้ นอกจากนี้ การดำเนินการต้องเคารพและไม่ขัดต่อกฎหมาย ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาก็ท้วงติง ว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เนื่องจากผู้ใช้ยาเสพติดถือว่ากระทำผิดกฎหมายอยู่ ขณะที่หน่วยงานที่ดำเนินการแจกเข็ม ถือเป็นผู้สนับสนุนหรืออำนวยความสะดวก ทั้งที่ทราบเจตนาว่านำไปใช้เสพยา ตรงนี้ก็ถือว่าร่วมคิดร่วมทำก็ถือว่ามีความผิดด้วย จึงต้องรอการปรับแก้กฎหมายยาเสพติดใหม่เสียก่อน เพื่อปลดล็อกเรื่องดังกล่าว ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.) แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือต้องปรับทัศนคติของคนในสังคมด้วยว่า สามารถยอมรับกับเรื่องนี้ได้หรือไม่
“สิ่งที่หน่วยงานสาธารณสุขและเครือข่ายดำเนินการได้ขณะนี้ คือ การแนะนำผู้อยู่ระหว่างการบำบัดรักษา ว่า อย่าใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น เพื่อลดการติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจากการซื้อเข็มฉีดยาถือเป็นเรื่องถูกกฎหมายและราคาไม่แพง อยู่ที่ประมาณ 5 - 10 บาท ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะต่อให้มีการแจกเข็มฉีดยา แต่ไม่ได้แนะนำเรื่องนี้ยังคงใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น ก็จะไม่สามารถลดการติดเชื้อเอชไอวีลงได้ โดยปัจจุบันการติดเชื้อทางเอชไอวีรายใหม่ของประเทศไทยนั้น มาจากเข็มฉีดยามีประมาณ 4% เท่านั้น อีก 96% ยังมาจากการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์” นพ.สมาน กล่าว
นพ.สมาน กล่าวว่า นอกจากมาตรการดังกล่าวแล้วยังต้องดำเนินการมาตรการอื่นควบคู่ด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัย และนวัตกรรมอย่างยาเพร็พ (PreP) เนื่องจากผู้เสพยาเสพติดบางส่วนมักใช้ยาเสพติดเพื่อความสนุกในการมีเพศสัมพันธ์ จึงควรใช้ถุงยางอนามัยและยาเพร็พเพื่อป้องกันด้วย โดยยาเพร็พมีข้อดี คือ ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ทั้งจากทางเข็มฉีดยาและการมีเพศสัมพันธ์ ส่วนเรื่องการแจกเข็มฉีดยานั้น สำหรับข้อกังวลเรื่องการใช้ยาเพร็พ จะส่งผลให้คนไม่ป้องกันตัวด้วยการใช้ถุงยางอนามัยนั้น เท่าที่ติดตามผลในกลุ่มผู้ใช้ยาเพร็พ ก็พบว่า ยังคงให้ความสำคัญกับการป้องกันด้วยถุงยางอนามัยอยู่ เพราะเขารู้ดีว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง จึงยิ่งต้องป้องกันตนเองมากขึ้น ไม่ได้พบว่าประมากในการป้องกันตัวเองมากขึ้นแต่อย่างใด