แพทย์แผนไทย เผย “ยาปราบชมพูทวีป” รักษาโรคภูมิแพ้ได้ผลดี ประกอบด้วย สมุนไพรรสเผ็ดร้อน ช่วยปรับสมดุลธาตุน้ำ - ลม ที่ผิดปกติ ทานครั้งละ 750 มก. วันละ 4 ครั้ง
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า วันนี้กรมได้จัดเวทีเสวนาวิชาการเรื่อง “ปลดล็อกโรคภูมิแพ้ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย” ให้แก่นักวิชาการ นักศึกษาแพทย์แผนไทย และผู้สนใจ โดยวิทยากรที่เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมไทยและ เภสัชกรรมจากเครือข่ายโรงพยาบาลอู่ทอง โรงเรียนวัดโพธิ์ และ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน เพื่อฟื้นฟูความรู้ ในการนำไปใช้ประโยชน์ และเผยแพร่ให้ประชาชนรู้จักยาปราบชมพูทวีป
“ยาตำรับดังกล่าวใช้รักษาโรคภูมิแพ้ทางจมูก เป็นยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ ประกอบด้วยสมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อน ซึ่งสามารถช่วยปรับสมดุลของธาตุน้ำและธาตุลมที่ผิดปกติได้ เช่น ภูมิแพ้อากาศ คัดจมูก น้ำมูกไหล ไข้หวัด วิธีรับประทานยาปราบชมพูทวีป ให้รับประทานครั้งละ 750 มิลลิกรัม - 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ข้อห้าม คือ ห้ามใช้ในกรณีที่มีไข้สูง และห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์” นพ.ปราโมทย์ กล่าว
นพ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ส่วนอีกหนึ่งวิธีสามารถรักษาอาการภูมิแพ้ได้อย่างดี ได้แก่ วิธีการสุมยา โดยการเข้ากระโจมสมุนไพรร้อนใช้ความชื้น ซึ่งได้จากไอน้ำความร้อนและน้ำมันหอมระเหยจากเครื่องยาอบ ช่วยขยายทางเดินหายใจ เพิ่มการไหลเวียนให้การหายใจได้ดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันโรคภูมิแพ้ทางจมูกสามารถพบได้บ่อย สาเหตุหลักๆ เกิดจากร่างกายได้รับสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ เช่น ฝุ่นละออง ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ อาหาร หรือ สารเคมี ซึ่งร่างกายจะตอบสนองโดยการกระตุ้นสร้างสารคัดหลั่ง และก่อให้เกิดการอักเสบของเซลล์ในส่วนที่เกิดอาการแพ้ มีผลทำให้ทางเดินหายใจส่วนต้นและการไหลเวียนโลหิตนั้นไม่สะดวก จากสถิติสมาคมโรคภูมิแพ้ และ อิมมูโนวิยาแห่งประเทศไทย พบโรคภูมิแพ้ในเด็กไทยสูงถึงร้อยละ 38 และพบในผู้ใหญ่ประมาณร้อยละ 20 ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มากขึ้นถึง 3 - 4 เท่า เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา
นพ.ปราโมทย์ กล่าวว่า จากข้อมูลโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสานนั้น ของผู้มารับบริการที่พบว่า สามารถลดการใช้ยาพ่นแผนปัจจุบันลดลง และโรคภูมิแพ้อากาศไม่กลับมาเป็นปัญหาอีก และเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ให้งดอาหารแสลง หลีกเลี่ยงอาหารรสเย็น รสหวานจัด รสมันจัด และ รสขมจัด เช่น แตงโม แตงกวา ผักบุ้ง ลำไย เงาะ ลิ้นจี่ และของทอดต่างๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงปัจจัย หรือสิ่งที่กระตุ้นที่ทำให้เกิดโรค และควรรักษาร่างกายให้อบอุ่นเสมอ หรือดื่มน้ำขิง เพื่อลดเสมหะและหายใจสะดวกขึ้น ผู้สนใจในต่างจังหวัด สามารถเข้ารับการรักษาหรือขอรับคำปรึกษาในโรงพยาบาลต่างๆ ได้ หรือขอคำปรึกษาในงานสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม 2560 - 3 กันยายน 2560 ณ ฮออล์ 6 - 8 เมืองทองธานี อีกด้วย