มูลนิธิผู้บริโภค ขู่ฟ้องคนพูด “เอ็นจีโอ” รับเงินเปอร์เซ็นต์ค่าซื้อยา หลังเคลียร์แล้วรัฐบาลจับประเด็นผิด และไม่ใช่เงินส่วนลด ตั้งข้อสังเกตกล่าวหาเบี่ยงประเด็นแก้ กม.บัตรทอง ด้าน สปสช. เผย มีงบ 3 ส่วนให้ทุกหน่วยงานทำงานด้านสุขภาพ เอ็นจีโอก็ขอได้
จากกรณีมีการระบุว่าเมื่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดซื้อยาปริมาณมากจากองค์การเภสัชกรรม (อภ.) จะได้รับเงินส่วนลด และมีการกันเงินนี้ไปมอบให้กลุ่มเอ็นจีโอดำเนินการภารกิจองค์กร
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช. จะมีงบประมาณเพื่อให้การสนับสนุน หน่วยบริการ มูลนิธิต่างๆ หน่วยบริการ หรือแม้กระทั่งองค์กรส่วนท้องถิ่นที่ทำหน้าที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนให้มีความรอบรู้ในระบบและการดูแลสุขภาพ ใน 3 ส่วน 1. งบจากกองทุนเหมาจ่ายรายหัว หมวดส่งเสริมสุขภาพ 2. งบบริหารที่จะมอบให้กับหน่วยงานที่สามารถดำเนินการตามยุทธศาสตร์เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนเกิดความรอบรู้เรื่องสุขภาพ และ 3. งบสนับสนุนกิจกรรมภาครัฐองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งไม่ใช่เงินส่วนลดใดๆ แต่เป็นเงินที่ อภ. ให้มาเพื่อการสนับสนุนภาครัฐ ซึ่งหากหน่วยงานใดต้องการก็ให้ทำเสนอเป็นโครงการเข้ามา ทั้งนี้ งบประมาณ 2 ส่วนแรก สามารถให้ได้ตามระเบียบอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าบางส่วนจะเป็นเงินที่ต้องมอบให้แต่ละพื้นที่นำไปดำเนินการและบางส่วนหากหน่วยงาน หรือพื้นที่ใดต้องการเพิ่มเติมต้องทำโครงการเสนอเข้ามา ดังนั้น จึงไม่ได้มีงบประมาณส่วนอื่นเพื่อสนับสนุนเอ็นจีโอโดยเฉพาะ แต่เป็นงบประมาณที่ใช้ในการสนับสนุนทุกหน่วยงานที่ทำงานเพื่อสุขภาพของประชาชนอยู่แล้ว
ด้าน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เมื่อทาง สปสช. ออกมาชี้แจงชัดแล้วว่า การใช้จ่ายเงินสนับสนุนกิจกรรมภาครัฐที่ สปสช. ได้รับจากองค์การเภสัชกรรม (อภ.) นั้น ไม่ใช่ส่วนลดจากการซื้อยา และทางรัฐบาลก็ยืนยันแล้วว่า เป็นการจับประเด็นผิด ดังนั้น หลังจากนี้ หากมีใครที่ยังพูดไม่จริงอีกว่า เอ็นจีโอรับเงินส่วนลดจากการซื้อยาก็จะฟ้องร้อง ไปเจอกันที่ศาลได้เลย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะฟ้องร้องกรณีความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้แต่อย่างใด ส่วนเรื่องการรับเงินสนับสนุนภาครัฐที่ผ่านมาก้มีเพียงเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์แห่งประเทศไทย ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีสิทธิที่จะรับเงินสนับสนุนในส่วนนี้ได้ เพราะภาคประชาชนเองก็มีสิทธิขอ ส่วนมูลนิธิฯ เองไม่เคยรับงบประมาณในส่วนนี้ เนื่องจากมีนโยบายชัดว่าไม่รับเงินจากจากเอกชนหรือองค์กรเหล่านี้ เพราะเรามีหน้าที่ตรวจสอบ
“การออกมาพูดว่ารับเงินส่วนลดการซื้อยา ถือเป็นการกล่าวหา ซึ่งอยากถามว่าคนระดับโฆษกรัฐบาลจะจับประเด็นผิดจริงหรือไม่ หรือมีใครพูดจริงแต่ไม่ยอมรับ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นการกล่าวหาเอ็นจีโอเพื่อเบี่ยงประเด็นในเรื่องการแก้กฎหมายบัตรทอง ว่า ที่เอ็นจีโอออกมาค้านเพราะจะไม่ได้รับเงินก้อนนี้ เนื่องจากไม่ให้ สปสช. จัดซื้อยาต่อไป ส่วนข้อเสนอให้มีการตรวจสอบการเงินของเอ็นจีโอนั้น ทางเรายินดีให้ตรวจสอบอยู่แล้ว เพราะในเมื่อเราเป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบผู้อื่น ก็พร้อมให้ผู้อื่นตรวจสอบเช่นกัน” น.ส.สารี กล่าว
น.ส.สารี กล่าวว่า ส่วนการรับงบประมาณจาก สปสช. นั้น ช่วงที่ตนเป็นกรรมการบอร์ด ก็มีนโยบายชัดเจนว่า มูลนิธิฯ จะไม่รับงบประมาณใดๆ จาก สปสช. มาทำงาน แต่ช่วงที่ตนไม่ได้เป็นกรรมการบอร์ด ก็มีบางโครงการที่รับงบประมาณจาก สปสช. เพื่อสนับสนุนการทำงานของ สปสช. ให้บรรลุผล เช่น การส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค 50 เขต กทม. ซึ่งตรงนี้ไม่ได้รับเป็นประจำทุกปี และงบประมาณก็ไม่มาก โดยเป็นงบประมาณด้านบริหารจาก สปสช. ไม่ใช่งบเหมาจ่ายรายหัว และมูลนิธิฯ ไม่ได้รับเงินด้วยตัวเอง เพราะเป็นงบในการจัดกิจกรรม ซึ่งมูลนิธิฯ เราไปสนับสนุนให้คนในพื้นที่ทำงาน ไม่ได้มาเป็นเงินเดือนเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ซึ่งทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้ จริงๆ ต้องบอกว่า สปสช. ไม่ได้สนับสนุนงบประมาณเอ็นจีโอ แต่เอ็นจีโอมาสนับสนุนการทำงานของ สปสช. ให้บรรลุผลมากกว่าด้วยซ้ำ