xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลเดินหน้าจัดระเบียบชุมชนริมคลองลาดพร้าว รื้อบ้าน สร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

รมว.พม.ร่วมรื้อบ้าน
รัฐบาลเดินหน้าจัดระเบียบชุมชนริมคลองที่รุกล้ำแนวสร้างเขื่อนคอนกรีตป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ โดยในปีนี้จะนำร่อง 17 ชุมชน รวม 2,344 ครัวเรือน ด้าน รมว.พม.เยี่ยมชุมชนที่พร้อมรื้อย้าย สร้างบ้านใหม่ ขณะที่ รมช.คลัง มอบสัญญาเช่าที่ดินกรมธนารักษ์ให้ชุมชนริมคลองเพิ่มอีก 1 ชุมชน เพื่อสร้างบ้านมั่นคง หลังจากที่มอบสัญญาเช่าไปแล้ว 4 ชุมชน ตั้งเป้าปีนี้จะให้ชุมชนริมคลองเช่าทั้งหมด 10 ชุมชน โดยในวันนี้มีการบันทึกเทปรายการเดินหน้าประเทศไทยเพื่อนำไปออกอากาศพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อชี้แจง และสร้างความเข้าใจต่อชาวชุมชนที่ยังไม่ยอมรื้อย้ายบ้านออกจากคลองด้วย

หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา โดยอนุมัติงบประมาณ จำนวน 4,061 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดทำโครงการที่อยู่อาศัยรองรับชาวชุมชนริมคลองที่จะต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตป้องกันน้ำท่วมของ กทม.ระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ.2559-2561) รวม 74 ชุมชน 11,004 ครัวเรือนนั้น

ล่าสุด วันนี้ (24 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ ซอยพหลโยธิน 54 เขตสายไหม กรุงเทพฯ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วย นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ และนายภัทรรุตม์ ทรรทรานนท์ รองปลัดกรุงเทพฯ และคณะได้เดินทางมาเยี่ยมชาวชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา ริมคลองบางบัว เขตหลักสี่ และชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ เขตสายไหม ซึ่งทั้ง 2 ชุมชนอยู่ในแนวก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมในคลองลาดพร้าว และกำลังรื้อบ้านที่ปลูกสร้างลงในคลองออกจากแนวเขื่อนเพื่อก่อสร้างบ้านใหม่
ช่างชุุมชนช่วยรื้อบ้านชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พม.กล่าวว่า กระทรวง พม.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้จัดทำแผนงานรองรับประชาชนที่ต้องรื้อย้ายบ้านเรือนที่รุกล้ำลำคลองออกมาจากแนวเขื่อน โดยให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนที่มีประสบการณ์ทำเรื่องบ้านมั่นคงมาแล้วมารับผิดชอบโครงการ กำหนดแผนงาน 3 ปี (พ.ศ.2559-2561) มีเป้าหมาย 74 ชุมชน 11,004 ครัวเรือน มีผู้รับผลประโยชน์ 64,869 คน ใช้งบประมาณรวม 4,061 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะดำเนินการในคลองลาดพร้าวก่อน จำนวน 17 ชุมชน โดยชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ เขตสายไหม และชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา เขตหลักสี่ เป็นชุมชนนำร่องในการรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวก่อสร้างเขื่อนเพื่อก่อสร้างบ้านใหม่ในเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ ส่วนชุมชนอื่นๆ ที่มีความพร้อมก็จะทยอยรื้อย้าย และก่อสร้างบ้านต่อไป

นายอวยชัย สุขประเสริฐ ประธานชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญฯ กล่าวว่า ชุมชนฯ มีทั้งหมด 64 หลัง เริ่มรื้อบ้านตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีทหาร และพี่น้องเครือข่ายพัฒนาสิ่งแวดล้อมคูคลองมาช่วยรื้อย้ายบ้านด้วย ขณะนี้รื้อไปแล้วประมาณ 10 หลัง จากแผนงานในช่วงแรก 20 หลัง หลังจากนั้น ในวันที่ 7 เมษายน จะมีพิธีลงเสาเอกเพื่อก่อสร้างบ้านใหม่ จำนวน 20 หลัง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธียกเสาเอก และเป็นประธานในการตอกเสาเข็มสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ริมคลองที่รื้อบ้านออกแล้ว และคาดว่าบ้านเฟสแรกจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเวลา 6 เดือน หรือประมาณเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งในระหว่างที่ก่อสร้างบ้านใหม่ พอช.ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเช่าบ้านพักชั่วคราวครอบครัวละ 3,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 6 เดือน

สำหรับแบบบ้านจะมีทั้งหมด 3 แบบ คือ บ้านชั้นเดียว ขนาด 4 X 7 ตารางเมตร บ้าน 2 ชั้น ขนาด 4 X 7 ตารางเมตร และบ้าน 2 ชั้น ขนาด 6 X 7 ตารางเมตร ราคาก่อสร้างประมาณ 180,000-500,000 บาทต่อหลัง ซึ่งที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ร่วมกันจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการสร้างบ้านครอบครัวละ 600-800 บาทต่อเดือน ส่วนที่เหลือจะใช้สินเชื่อจาก พอช. ทั้งนี้ พอช.จะให้กู้สูงสุดได้ถึง 500,000 บาท (ต้องกู้ร่วม 2 คน) ผ่อนส่งประมาณ 1,500-3,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลาผ่อนส่ง 15 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อปี
รื้อบ้านชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ
นอกจากนี้ พอช.ได้สนับสนุนงบประมาณด้านสาธารณูปโภค จำนวน 1,950,000 บาท งบพัฒนาที่อยู่อาศัยรวม 1,625,000 บาท และงบบริหารจัดการ 97,500 บาท ส่วนการก่อสร้างบ้านชุมชนจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ เข้ามารับผิดชอบ และร่วมตรวจสอบ เช่น ฝ่ายช่าง ฝ่ายจัดซื้อวัสดุ ฝ่ายตรวจสอบ ฯลฯ ใช้ช่างก่อสร้างจากชุมชน และผู้รับเหมา โดยจะแบ่งพื้นที่ส่วนกลางเพื่อจัดทำเป็นสวนหย่อม ท่าเรือ และมีทางเดินเท้า และจักรยานเลียบคลอง ความกว้างประมาณ 3 เมตร การส่วนการเช่าที่ดินนั้นกรมธนารักษ์คิดค่าเช่าในอัตราผ่อนปรนตารางวาละ 1.50 บาทต่อเดือน หรือคิดเป็นค่าเช่าทั้งชุมชนเนื้อที่รวม 3 ไร่ 245 ตารางวา ปีละ 21,660 บาท

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวว่า กรมธนารักษ์ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนมาตั้งแต่ปี 2547 เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยจะนำที่ดินราชพัสดุ ที่กรมธนารักษ์ดูแลอยู่มาให้ประชาชนเช่าในอัตราผ่อนปรน ระยะเวลา 30 ปี ซึ่งชุมชนที่จะขอเช่าที่ดินจะต้องรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์เคหสถาน และขอเช่าในนามสหกรณ์ ไม่ใช่เช่าเป็นรายครัวเรือน ซึ่งในวันนี้กรมธนารักษ์ได้มอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุริมคลองให้แก่ชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา เพื่อสร้างบ้านใหม่ที่มั่นคง เปลี่ยนจากผู้บุกรุกเป็นผู้เช่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยในปีนี้กรมธนารักษ์จะให้ชาวชุมชนที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงในคลองลาดพร้าวได้ทำสัญญาเช่าที่ดินรวม 10 ชุมชน ส่วนชุมชนอื่นๆ ที่มีความพร้อมก็สามารถทำเรื่องเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ได้

สำหรับชุมชนที่ได้รับสัญญาเช่าไปแล้ว 4 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ ชุมชนเพิ่มสินร่วมใจ เขตสายไหม ชุมชนหลังกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก และชุมชนวังหิน เขตจตุจักร

รต.สุจิต อาจปรุ ประธานชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา กล่าวว่า ชาวชุมชนรู้สึกดีใจที่ได้รับสัญญาเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ รวมพื้นที่ทั้งหมด 8 ไร่ เพื่อสร้างบ้านมั่นคง จำนวน 206 หลัง ในอัตราค่าเช่า 1.25 บาทต่อตารางวาต่อเดือน หรือคิดเป็นค่าเช่าทั้งหมดปีละ 49,905 บาท ซึ่งในขณะนี้ชุมชนได้รื้อบ้านเฟสแรก และเริ่มสร้างบ้านใหม่ไปแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จำนวน 28 หลัง ขณะนี้เฟสแรกก่อสร้างเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว และมีชาวบ้านทยอยเข้าอยู่อาศัยแล้ว ส่วนเฟสต่อไปก็จะเริ่มรื้อ และสร้างใหม่อีก 54 หลัง ในเดือนเมษายนนี้ และจะทยอยสร้างต่อไปให้เสร็จทั้ง 206 หลังภายในปี 2560 โดยได้รับการสนับสนุนสินเชื่อทั้งหมดจาก พอช.

“หลังจากที่รื้อบ้านออกจากแนวคลอง และเขื่อนแล้ว บริษัทรับเหมาก็จะเริ่มก่อสร้างเขื่อน ซึ่งตามแผนงานจะมีแนวสันเขื่อนกว้าง 1.50 เมตร และชุมชนสร้างทางเดินเลียบคลองกว้าง 1.50 เมตร รวมความกว้าง 3 เมตร สามารถใช้เป็นเส้นทางจักรยานเลียบคลองได้ นอกจากนี้ ชุมชนยังแบ่งพื้นที่สำหรับสร้างเป็นลานอเนกประสงค์เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน หรือใช้เป็นสถานที่พักผ่อนได้ นอกจากนี้ ยังจัดทำบ่อพักน้ำขนาด 80 X 80 เซนติเมตร จำนวน 250 จุด เพื่อพัก และบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่คลอง เพื่อช่วยฟื้นฟูคลองด้วย” ประธานชุมชนแห่งนี้ กล่าว
บันทึกเทปรายการเดินหน้าประเทศไทย
นายพลากร วงค์กองแก้ว ผู้อำนวยการ พอช.กล่าวว่า ชุมชนต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองตามแนวทางบ้านมั่นคงจะต้องจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการสร้างบ้าน มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลโครงการ และจะต้องรื้อย้ายบ้านที่สร้างอยู่ในคลอง หรืออยู่ในแนวเขื่อนออกมา เพื่อปรับผังชุมชนใหม่ในที่ดินเดิม และเนื่องจากพื้นที่แต่ละชุมชนมีจำกัด ดังนั้น จึงต้องรื้อบ้านเพื่อสร้างใหม่ทั้งชุมชน โดยแต่ละครอบครัวจะได้รับการจัดสรรที่ดินเท่ากันเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันในชุมชนเดิมได้

“สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนหรือ พอช.จะให้การสนับสนุนชาวบ้านในเรื่องกระบวนการรวมกลุ่มเพื่อแก้ไขปัญหา ตลอดจนเรื่องของสินเชื่อ และงบประมาณด้านสาธารณูปโภค ส่วนชุมชนใดที่มีพื้นที่ไม่เพียงพอ หรืออยู่ในแนวเขื่อนไม่สามารถสร้างบ้านใหม่ในชุมชนเดิมได้ พอช.ก็จะสนับสนุนให้ชาวบ้านรวมกลุ่มไปหาซื้อที่ดินแปลงใหม่ เช่น ที่ดินของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ ในสังกัดของกระทรวงการคลัง หรือที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งในปีนี้ พอช.จะดำเนินโครงการบ้านมั่นคงริมคลองในคลองลาดพร้าว จำนวน 17 ชุมชน ส่วนที่เหลือจะดำเนินการในปีต่อไป” ผอ.พอช. กล่าว

นอกจากภารกิจในการตรวจเยี่ยมชุมชน ทและมอบสัญญาเช่าที่ดินให้แก่ชาวชุมชนแล้ว ในวันนี้รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ รัฐมนตรีช่วยฯ กระทรวงการคลัง อธิบดีกรมธนารักษ์ รองปลัดกรุงเทพฯ และตัวแทนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ยังได้ร่วมกันบันทึกเทปรายการเดินหน้าประเทศไทย เพื่อชี้แจง และสร้างความเข้าใจต่อประชาชนที่จะต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวเขื่อนด้วย โดยบันทึกเทปที่ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ และชุมชนบางบัวฯ เนื่องจากยังมีชาวชุมชนริมคลองอีกหลายชุมชนที่ยังไม่เข้าใจโครงการ และยังไม่ยอมรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากคลอง โดยจะออกอากาศพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 2-3 เมษายนนี้ หลังเวลา 18.00 น.

สำหรับความคืบหน้าในการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม กทม.ในคลองลาดพร้าว ระยะทางรวม 45 กิโลเมตรนั้น บริษัทริเวอร์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ผู้รับเหมาเริ่มสร้างเขื่อนช่วงแรกในคลองลาดพร้าว บริเวณคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา เขตห้วยขวาง ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากนั้น จะเริ่มก่อสร้างในพื้นที่ที่ชาวชุมชนได้รื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวเขื่อนแล้ว โดยในวันที่ 7 เมษายนนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องการจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำคูคลองจะเดินทางมาเป็นประธานในพิธียกเสาเอกบ้านมั่นคงชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ และเป็นประธานในพิธีตอกเสาเข็มสร้างเขื่อนบริเวณชุมชนแห่งนี้ด้วย ซึ่งตามแผนงานการก่อสร้างเขื่อน และพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าว คลองบางซื่อ และคลองเปรมประชากร ทั้งหมด 74 ชุมชน จะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2561

นอกจากนี้ พอช.ได้สนับสนุนงบประมาณด้านสาธารณูปโภค จำนวน 1,950,000 บาท งบพัฒนาที่อยู่อาศัยรวม 1,625,000 บาท และงบบริหารจัดการ 97,500 บาท ส่วนการก่อสร้างบ้านชุมชนจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ เข้ามารับผิดชอบ และร่วมตรวจสอบ เช่น ฝ่ายช่าง ฝ่ายจัดซื้อวัสดุ ฝ่ายตรวจสอบ ฯลฯ ใช้ช่างก่อสร้างจากชุมชน และผู้รับเหมา โดยจะแบ่งพื้นที่ส่วนกลางเพื่อจัดทำเป็นสวนหย่อม ท่าเรือ และมีทางเดินเท้าและจักรยานเลียบคลองความกว้างประมาณ 3 เมตร การส่วนการเช่าที่ดินนั้นกรมธนารักษ์คิดค่าเช่าในอัตราผ่อนปรนตารางวาละ 1.50 บาทต่อเดือน หรือคิดเป็นค่าเช่าทั้งชุมชนเนื้อที่รวม 3 ไร่ 245 ตารางวา ปีละ 21,660 บาท
มอบสัญญาเช่าชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวว่า กรมธนารักษ์ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนมาตั้งแต่ปี 2547 เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยจะนำที่ดินราชพัสดุที่กรมธนารักษ์ดูแลอยู่มาให้ประชาชนเช่าในอัตราผ่อนปรน ระยะเวลา 30 ปี ซึ่งชุมชนที่จะขอเช่าที่ดินจะต้องรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์เคหสถานและขอเช่าในนามสหกรณ์ ไม่ใช่เช่าเป็นรายครัวเรือน ซึ่งในวันนี้กรมธนารักษ์ได้มอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุริมคลองให้แก่ชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนาเพื่อสร้างบ้านใหม่ที่มั่นคง เปลี่ยนจากผู้บุกรุกเป็นผู้เช่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยในปีนี้กรมธนารักษ์จะให้ชาวชุมชนที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงในคลองลาดพร้าวได้ทำสัญญาเช่าที่ดินรวม 10 ชุมชน ส่วนชุมชนอื่นๆ ที่มีความพร้อมก็สามารถทำเรื่องเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ได้

สำหรับชุมชนที่ได้รับสัญญาเช่าไปแล้ว 4 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ ชุมชนเพิ่มสินร่วมใจ เขตสายไหม, ชุมชนหลังกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก และชุมชนวังหิน เขตจตุจักร

รต.สุจิต อาจปรุ ประธานชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา กล่าวว่า ชาวชุมชนรู้สึกดีใจที่ได้รับสัญญาเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ รวมพื้นที่ทั้งหมด 8 ไร่ เพื่อสร้างบ้านมั่นคงจำนวน 206 หลัง ในอัตราค่าเช่า 1.25 บาทต่อตารางวา ต่อเดือน หรือคิดเป็นค่าเช่าทั้งหมดปีละ 49,905 บาท ซึ่งในขณะนี้ชุมชนได้รื้อบ้านเฟสแรกและเริ่มสร้างบ้านใหม่ไปแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จำนวน 28 หลัง ขณะนี้เฟสแรกก่อสร้างเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว และมีชาวบ้านทยอยเข้าอยู่อาศัยแล้ว ส่วนเฟสต่อไปก็จะเริ่มรื้อและสร้างใหม่อีก 54 หลังในเดือนเมษายนนี้ และจะทยอยสร้างต่อไปให้เสร็จทั้ง 206 หลังภายในปี 2560 โดยได้รับการสนับสนุนสินเชื่อทั้งหมดจาก พอช.

“หลังจากที่รื้อบ้านออกจากแนวคลองและเขื่อนแล้ว บริษัทรับเหมาก็จะเริ่มก่อสร้างเขื่อน ซึ่งตามแผนงานจะมีแนวสันเขื่อนกว้าง 1.50 เมตร และชุมชนสร้างทางเดินเลียบคลองกว้าง 1.50 เมตร รวมความกว้าง 3 เมตร สามารถใช้เป็นเส้นทางจักรยานเลียบคลองได้ นอกจากนี้ชุมชนยังแบ่งพื้นที่สำหรับสร้างเป็นลานเอนกประสงค์เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน หรือใช้เป็นสถานที่พักผ่อนได้ นอกจากนี้ยังจัดทำบ่อพักน้ำขนาด 80 X 80 เซนติเมตร จำนวน 250 จุด เพื่อพักและบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่คลอง เพื่อช่วยฟื้นฟูคลองด้วย” ประธานชุมชนแห่งนี้กล่าว

นายพลากร วงค์กองแก้ว ผู้อำนวยการ พอช.กล่าวว่า ชุมชนต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองตามแนวทางบ้านมั่นคงจะต้องจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการสร้างบ้าน มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลโครงการ และจะต้องรื้อย้ายบ้านที่สร้างอยู่ในคลองหรืออยู่ในแนวเขื่อนออกมา เพื่อปรับผังชุมชนใหม่ในที่ดินเดิม และเนื่องจากพื้นที่แต่ละชุมชนมีจำกัด ดังนั้นจึงต้องรื้อบ้านเพื่อสร้างใหม่ทั้งชุมชน โดยแต่ละครอบครัวจะได้รับการจัดสรรที่ดินเท่ากันเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันในชุมชนเดิมได้

“สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนหรือ พอช. จะให้การสนับสนุนชาวบ้านในเรื่องกระบวนการรวมกลุ่มเพื่อแก้ไขปัญหา ตลอดจนเรื่องของสินเชื่อและงบประมาณด้านสาธารณูปโภค ส่วนชุมชนใดที่มีพื้นที่ไม่เพียงพอหรืออยู่ในแนวเขื่อน ไม่สามารถสร้างบ้านใหม่ในชุมชนเดิมได้ พอช.ก็จะสนับสนุนให้ชาวบ้านรวมกลุ่มไปหาซื้อที่ดินแปลงใหม่ เช่น ที่ดินของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ในสังกัดของกระทรวงการคลัง หรือที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งในปีนี้ พอช.จะดำเนินโครงการบ้านมั่นคงริมคลองในคลองลาดพร้าวจำนวน 17 ชุมชน ส่วนที่เหลือจะดำเนินการในปีต่อไป” ผอ.พอช.กล่าว
บ้านใหม่ที่ชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา
นอกจากภารกิจในการตรวจเยี่ยมชุมชนและมอบสัญญาเช่าที่ดินให้แก่ชาวชุมชนแล้ว ในวันนี้รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ รัฐมนตรีช่วยฯ กระทรวงการคลัง อธิบดีกรมธนารักษ์ รองปลัดกรุงเทพฯ และตัวแทนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ยังได้ร่วมกันบันทึกเทปรายการเดินหน้าประเทศไทยเพื่อชี้แจงและสร้างความเข้าใจต่อประชาชนที่จะต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวเขื่อนด้วย โดยบันทึกเทปที่ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญและชุมชนบางบัวฯ เนื่องจากยังมีชาวชุมชนริมคลองอีกหลายชุมชนที่ยังไม่เข้าใจโครงการและยังไม่ยอมรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากคลอง โดยจะออกอากาศพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 2-3 เมษายนนี้ หลังเวลา 18.00 น.

สำหรับความคืบหน้าในการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมกทม.ในคลองลาดพร้าวระยะทางรวม 45 กิโลเมตรนั้น บริษัทริเวอร์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ผู้รับเหมา เริ่มสร้างเขื่อนช่วงแรกในคลองลาดพร้าวบริเวณคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา เขตห้วยขวาง ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นจะเริ่มก่อสร้างในพื้นที่ที่ชาวชุมชนได้รื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวเขื่อนแล้ว โดยในวันที่ 7 เมษายนนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องการจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำคูคลองจะเดินทางมาเป็นประธานในพิธียกเสาเอกบ้านมั่นคงชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ และเป็นประธานในพิธีตอกเสาเข็มสร้างเขื่อนบริเวณชุมชนแห่งนี้ด้วย ซึ่งตามแผนงานการก่อสร้างเขื่อนและพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าว คลองบางซื่อ และคลองเปรมประชากร ทั้งหมด 74 ชุมชนจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2561
กำลังโหลดความคิดเห็น