อธิบดีกรมธนารักษ์ มอบสัญญาเช่าที่ดินริมคลองที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมของ กทม.เพื่อสร้างบ้านมั่นคง นำร่อง 4 ชุมชน รวม 343 หลังในเขตสายไหมและจตุจักร ระยะเวลา 30 ปี ด้าน พอช.เผยปีนี้มีชุมชนพร้อมรื้อย้ายและสร้างบ้านใหม่ 17 ชุมชน ส่วนชาวชุมชนยินดีจะได้บ้านใหม่และเช่าที่ดินอย่างถูกต้องไม่ต้องกลัวถูกไล่รื้ออีก และเตรียมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สร้างตลาดน้ำ-ท่องเที่ยวชุมชน-พัฒนาอาชีพ ขณะที่บริษัทรับเหมาเตรียมตอกเสาเข็มสร้างเขื่อนหลังจากที่ชุมชนรื้อบ้านพ้นคลอง
หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 4,061 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดทำโครงการที่อยู่อาศัยรองรับชาวชุมชนริมคลอง กทม. ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 เวลา 9.00 น. ที่ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ ซอยพหลโยธิน 54 เขตสายไหม กรุงเทพฯ มีพิธีมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุที่กรมธนารักษ์ ดูแลให้กับชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญและชุมชนเพิ่มสินร่วมใจ โดยมีนายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นผู้มอบ มีนายพลากร วงค์กองแก้ว ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน พลตรีณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ผู้อำนวยการเขตสายไหม และชาวบ้านจากเครือข่ายพัฒนาสิ่งแวดล้อมและชุมชนคูคลองเข้าร่วมประมาณ 300 คน หลังจากนั้น อธิบดีกรมธนารักษ์และคณะได้เดินทางไปที่ชุมชนหลังกรมวิทยาศาสตร์ เขตจตุจักร เพื่อมอบสัญญาเช่าที่ดินให้แก่ชุมชนหลังกรมวิทยาศาสตร์และชุมชนวังหิน รวม 4 ชุมชน
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะและการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง ซึ่งจะมีการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม ขณะเดียวกันก็จะต้องมีการรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำออกจากลำคลอง โดยเฉพาะบ้านเรือนและชุมชนที่ปลูกสร้างอยู่ในที่ดินริมคลองซึ่งกรมธนารักษ์ดูแลอยู่ แต่เพื่อให้ประชาชนสามารถอาศัยอยู่ในชุมชนเดิมได้ กรมธนารักษ์จึงมีนโยบายให้นำที่ดินที่เหลือหรือพ้นจากแนวก่อสร้างเขื่อนมาให้ประชาชนเช่าในระยะยาวเป็นเวลา 30 ปี ในอัตราผ่อนปรน ทั้งนี้ประชาชนที่จะทำสัญญาเช่าที่ดิน จะต้องรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์เคหสถานและเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง เพื่อให้การบริหารจัดการทั้งเรื่องการเช่าที่ดินและก่อสร้างบ้านเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ
“รัฐบาลมีโครงการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำลำคลองและพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งหมด 9 คลองสายหลักในกรุงเทพฯ ซึ่งที่ดินริมคูคลองทั้งหมดเป็นที่ดินราชพัสดุที่กรมธนารักษ์ดูแลอยู่ แต่ที่ผ่านมาทางราชการไม่ได้มีการจัดระเบียบการอยู่อาศัยในที่ดินริมคูคลอง ดังนั้น เมื่อมีการจัดระเบียบแล้วก็จะทำให้ประชาชนได้เช่าที่ดินอยู่อาศัยอย่างถูกต้องและมั่นคง และช่วยกันพัฒนาชุมชนและสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่อาศัย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยในปี 2559 นี้ กรมธนารักษ์จะให้ชาวชุมชนที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงในคลองลาดพร้าวได้ทำสัญญาเช่าที่ดินรวม 10 ชุมชน ส่วนชุมชนอื่นๆ ที่มีความพร้อมก็สามารถเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ได้ หรือหากชุมชนริมคลองแห่งใดที่มีพื้นที่ไม่เพียงพอ กรมธนารักษ์ก็มีที่ดินราชพัสดุแปลงอื่นพร้อมที่จะรองรับชาวบ้าน” อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าว
สำหรับคลองสายหลักในกรุงเทพฯ 9 คลอง คือ คลองลาดพร้าว คลองเปรมประชากร คลองบางซื่อ คลองบางเขน คลองลาดบัวขาว คลองประเวศร์บุรีรมย์ คลองพระโขนง คลองพระยาราชมนตรี และคลองสามวา ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินโครงการจัดระเบียบคูคลองในช่วง 3 ปีแรก (2559 - 2561) ในคลองลาดพร้าว คลองบางซื่อ และคลองเปรมประชากร ส่วนคลองอื่นๆ จะดำเนินการในช่วงต่อไป
ทั้งนี้ ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 3 ไร่ 245 ตารางวา มีบ้านเรือนที่จะปลูกสร้างบ้านใหม่ 64 หลัง ชุมชนเพิ่มสินร่วมใจมีเนื้อที่ 3ไร่ 128 ตารางวา มีบ้านเรือน 77 หลัง ชุมชนหลังกรมวิทยาศาสตร์มีเนื้อที่ 4 ไร่ 41 ตารางวา มีบ้านเรือน 120 หลัง และชุมชนวังหินมีเนื้อที่ 3 ไร่ 35 ตารางวา มีบ้านเรือน 82 หลัง
สำหรับชุมชนต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองตามแนวทางบ้านมั่นคงจะต้องจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการสร้างบ้าน มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลโครงการ และจะต้องรื้อย้ายบ้านที่สร้างอยู่ในคลองหรืออยู่ในแนวเขื่อนออกมา เพื่อปรับผังชุมชนใหม่ในที่ดินเดิม และเนื่องจากพื้นที่แต่ละชุมชนมีจำกัด ดังนั้นจึงต้องรื้อบ้านเพื่อสร้างใหม่ทั้งชุมชน โดยแต่ละครอบครัวจะได้รับการจัดสรรที่ดินเท่ากันเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันในชุมชนเดิมได้
ขณะที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. จะให้การสนับสนุนชาวบ้านในเรื่องกระบวนการรวมกลุ่มเพื่อแก้ไขปัญหา ตลอดจนเรื่องของสินเชื่อและงบประมาณด้านสาธารณูปโภค ส่วนชุมชนใดที่มีพื้นที่ไม่เพียงพอหรืออยู่ในแนวเขื่อน ไม่สามารถสร้างบ้านใหม่ในชุมชนเดิมได้ พอช.ก็จะสนับสนุนให้ชาวบ้านรวมกลุ่มไปหาซื้อที่ดินแปลงใหม่ เช่น ที่ดินของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ในสังกัดของกระทรวงการคลัง หรือที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ
นายพลากร วงค์กองแก้ว ผู้อำนวยการ พอช.กล่าวว่า พอช. ได้จัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองตามโครงการบ้านมั่นคง เพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาล ระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ. 2559 - 2561) มีเป้าหมาย 74 ชุมชน 11,004 ครัวเรือน มีผู้รับผลประโยชน์ 64,869 คน ใช้งบประมาณรวม 4,061 ล้านบาทเศษ โดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณแล้วเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้จะดำเนินการในคลองลาดพร้าวก่อน จำนวน 17 ชุมชน โดยชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ ชุมชนเพิ่มสินร่วมใจ เขตสายไหม ชุมชนหลังกรมวิทยาศาสตร์ และชุมชนวังหิน เขตจตุจักร เป็นชุมชนนำร่องในการรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวก่อสร้างเขื่อนเพื่อก่อสร้างบ้านใหม่ในเดือนมีนาคม - เมษายน นี้ ส่วนชุมชนอื่น ๆ ที่มีความพร้อมก็จะทยอยรื้อย้ายและก่อสร้างบ้านต่อไป
“การมอบสัญญาเช่าที่ดินให้แก่ชาวชุมชนในวันนี้จะทำให้ชาวชุมชนริมคูคลองมีที่ดินและที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคง ถูกกฎหมายและมีศักดิ์ศรี ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกไล่รื้ออีกต่อไป ชาวบ้านสามารถอยู่ในที่ดินเดิมเพื่อความสะดวกในการประกอบอาชีพ การทำงาน หรือลูกหลานอยู่ในสถานศึกษาเดิมได้ โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่อาศัยใกล้แนวรถไฟฟ้าจะได้รับความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น และในอนาคตก็จะต้องมีการเชื่อมเส้นทางการคมนาคมในคลองกับรถไฟฟ้า รวมทั้งพัฒนาคลองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำได้ด้วย” ผอ.พอช. กล่าว
นายอวยชัย สุขประเสริฐ ประธานชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญฯ กล่าวว่า ชุมชนฯ ทั้ง 64 หลังจะเริ่มรื้อบ้านตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคมนี้ โดยจะมีทหารและเจ้าหน้าที่กทม.มาช่วยรื้อย้ายด้วย หลังจากนั้นในวันที่ 7 เมษายนจะมีพิธีลงเสาเอกเพื่อก่อสร้างบ้านใหม่ โดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี และคาดว่าบ้านเฟสแรกจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเวลา 6 เดือน หรือประมาณเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งในระหว่างที่ก่อสร้างบ้านใหม่ พอช.ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเช่าบ้านพักชั่วคราวครอบครัวละ 3,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 6 เดือน
สำหรับแบบบ้านจะมีทั้งหมด 3 แบบ คือ บ้านชั้นเดียว ขนาด 4 X 7 ตารางเมตร บ้าน 2 ชั้น ขนาด 4 X 7 ตารางเมตร และบ้าน 2 ชั้น ขนาด 6 X 7 ตารางเมตร ราคาก่อสร้างประมาณ 180,000 - 500,000 บาทต่อหลัง ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านได้ร่วมกันจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการสร้างบ้านครอบครัวละ 600 - 800 บาทต่อเดือน ส่วนที่เหลือจะใช้สินเชื่อจาก พอช. ทั้งนี้ พอช. จะให้กู้สูงสุดได้ถึง 500,000 บาท (ต้องกู้ร่วม 2 คน) ผ่อนส่งประมาณ 1,500 - 3,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลาผ่อนส่ง 15 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อปี
นอกจากนี้ พอช.ได้สนับสนุนงบประมาณด้านสาธารณูปโภคจำนวน 1,950,000 บาท งบพัฒนาที่อยู่อาศัยรวม 1,625,000 บาท และงบบริหารจัดการ 97,500 บาท ส่วนการก่อสร้างบ้าน ชุมชนจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เข้ามารับผิดชอบและร่วมตรวจสอบ เช่น ฝ่ายช่าง ฝ่ายจัดซื้อวัสดุ ฝ่ายตรวจสอบ ฯลฯ ใช้ช่างก่อสร้างจากชุมชนและผู้รับเหมา โดยจะแบ่งพื้นที่ส่วนกลางเพื่อจัดทำเป็นสวนหย่อม ท่าเรือ และมีทางเดินเท้าและจักรยานเลียบคลองความกว้างประมาณ 3 เมตร การส่วนการเช่าที่ดินนั้น กรมธนารักษ์คิดค่าเช่าในอัตราผ่อนปรนตารางวาละ 1.50 บาทต่อเดือน หรือคิดเป็นค่าเช่าทั้งชุมชนเนื้อที่รวม 3 ไร่ 245 ตารางวา ปีละ 21,660 บาท
“ชาวชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญทุกคนรู้สึกดีใจที่ได้รับสัญญาเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ ทำให้ชาวบ้านเกิดความเชื่อมั่นที่จะรื้อบ้านออกจากคลอง หลังจากนั้น ก็จะไปยื่นเรื่องขออนุญาตก่อสร้างจากทางเขตสายไหมให้ถูกต้องตามระเบียบเพื่อก่อสร้างบ้านต่อไป” ประธานชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ กล่าว และบอกว่า ชุมชนทั้ง 4 ชุมชนที่ได้รับสัญญาเช่าจากกรมธนารักษ์ในวันนี้จะเป็นต้นแบบในการพัฒนาชุมชนริมคูคลองให้เป็นระเบียบและเกิดความสวยงาม และจะทำให้ชุมชนต่าง ๆ ที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการเกิดความเชื่อมั่นที่จะพัฒนาชุมชนและคลองร่วมกัน
ประธานชุมชนฯ กล่าวด้วยว่า หลังจากสร้างบ้านเสร็จแล้ว ชุมชนต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงมีแผนที่จะปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดูสวยงาม มีเส้นทางจักรยานเลียบคลอง ปลูกต้นไม้หรือไม้ผลที่กินได้ ขายได้ ส่งเสริมอาชีพชาวชุมชน จัดตลาดน้ำ และมีท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวหรือการเดินทางในคลองลาดพร้าวเชื่อมกับทางรถยนต์หรือรถไฟฟ้าที่กำลังสร้างจากสถานีหมอชิตมายังสะพานใหม่และคูคตด้วย ถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของชาวชุมชนริมคลองร่วมกัน
สำหรับความคืบหน้าในการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม กทม. ในคลองลาดพร้าว ระยะทางรวม 45 กิโลเมตรนั้น บริษัท ริเวอร์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ผู้รับเหมา เริ่มสร้างเขื่อนช่วงแรกในคลองลาดพร้าวบริเวณคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา เขตห้วยขวาง ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากนั้น จะเริ่มก่อสร้างในพื้นที่ที่ชาวชุมชนได้รื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวเขื่อนแล้ว โดยในวันที่ 7 เมษายนที่จะถึงนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลเรื่องการจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำคูคลองจะเดินทางมาเป็นประธานในพิธียกเสาเอกบ้านมั่นคงชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ และเป็นประธานในพิธีตอกเสาเข็มสร้างเขื่อนบริเวณชุมชนแห่งนี้ด้วย ซึ่งตามแผนงานการก่อสร้างเขื่อนและพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองทั้งหมด 74 ชุมชนจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2561