“สมเด็จช่วง” นั่งหัวโต๊ะประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) สรุปกรณี “ธัมมชโย” ยุติแล้ว หลังจากเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และเจ้าคณะภาค ไม่รับฟ้องตามกฎนิคหกรรม เมื่อปี 42 และผู้ฟ้องไม่ยื่นอุทธรณ์ ทำให้ไม่มีการพิจารณาว่าปาราชิกหรือไม่ ส่วนคดีทางโลก อัยการก็ถอนฟ้องไปแล้ว อ้างเคยประชุมเรื่องนี้นับ 100 ครั้ง หลังมีพระลิขิตสังฆราช ไม่ได้ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เตรียมส่งหนังสือแจงดีเอสไอภายใน 12 ก.พ. นี้
วันนี้ (10 ก.พ.)ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ได้มีการประชุมคณะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) โดยมี สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานการประชุม โดยใช้เวลาการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง
นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงผลประชุม มส. ว่า ที่ประชุม มส. ได้เห็นชอบร่างหนังสือชี้แจงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีการตอบสนองพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช และข้อกล่าวหาคดียักยอกทรัพย์ของพระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งก่อนหน้านี้ พศ. และผู้แทน มส. ได้หารือกับดีเอสไอถึง 2 ครั้ง โดยร่างหนังสือชี้แจงมีสาระโดยสรุปว่า พศ. และ มส. ยืนยันได้ตอบสนองต่อพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช กรณีพระธัมมชโยอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะมีการตีความว่า พระลิขิต เป็นพระบัญชา หรือพระดำริ ก็ตาม ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า ในช่วงปี 2542 - 2544 มส.ได้มีการประชุมหารือในเรื่องดังกล่าวนับ 100 ครั้ง
นายชยพล กล่าวว่า การดำเนินคดีทางสงฆ์ใช้กฎนิคหกรรมฉบับที่ 11 ตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 หากเปรียบในคดีทางโลกจะเริ่มต้นจากศาลชั้นต้น โดยมีเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี รองเจ้าคณะภาค และเจ้าคณะภาค ร่วมกันพิจารณา ในปี 2542 ที่มีการยื่นฟ้องคดีทางสงฆ์กล่าวหาพระธัมมชโย ในขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์ที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ซึ่งคณะพิจารณาของศาลชั้นต้นทางสงฆ์ไม่รับคำร้องของผู้ยื่นฟ้องคดี 2 คน คือ นายสมพร เทพสิทธา และ นายมาณพ พลไพรินทร์ เนื่องจากคำร้องไม่สมบูรณ์ และศาลชั้นต้นทางสงฆ์ได้เปิดโอกาสให้อุทธรณ์ภายใน 30 วัน แต่ผู้ยื่นฟ้องคดีไม่มายื่นอุทธรณ์และได้ถอนฟ้องไป 1 คน ทำให้การพิจารณาคดีในทางสงฆ์ต้องยุติลง และไม่มีการพิจารณาไปถึงกระบวนการที่ชี้ชัดว่า พระธัมมชโยอาบัติ ปาราชิก หรือไม่ ดังนั้น คดีทางสงฆ์จึงไปไม่ถึงการพิจารณาในขั้นศาลอุทธรณ์ทางสงฆ์ คือ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และไม่ถึงขั้นศาลฎีกาทางสงฆ์ คือ มส. ขณะที่ผู้ยื่นฟ้องคดีทางสงฆ์ก็ได้มีการยื่นฟ้องคดีทางโลกพร้อมกันไปด้วย แต่ในเวลาต่อมาผู้ร้องขอถอนฟ้องทำให้อัยการถอนฟ้องคดี ส่งผลให้คดีทางโลกสิ้นสุดลงไปด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าหากจะมีการฟ้องร้องพระธัมมชโยอีกจะต้องเป็นข้อกล่าวหาในคดีอื่น ๆ ที่เป็นคดีใหม่ ไม่ใช่กรณีข้อกล่าวหายักยอกที่ดิน โดยผู้ที่ต้องการฟ้องคดีทางสงฆ์จะต้องไปยื่นฟ้องที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพราะเป็นเจ้าคณะปกครองโดยตรง
สำหรับกรณีที่ดีเอสไอ มองว่า มส. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 หรือไม่ กรณีของพระธัมมชโย ยืนยันว่า พศ. และ มส. ดำเนินงานเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้ว ส่วนการมองว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละฝ่าย อย่างไรก็ตาม ทาง พศ. จะส่งหนังสือชี้แจงดีเอสไอโดยเร็วที่สุด หรืออย่างช้าไม่เกินวันที่ 12 ก.พ. นี้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่