“ประวิตร” ไม่ยอมบอกสื่อ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอยู่ในวัดหรือไม่ “วิษณุ” ยังตอบไม่ได้เอาไงต่อหลังยังไม่มอบตัว แจงหากวืดประกันควบคุมเข้าคุกได้ต้องจับสึกก่อน ไม่เคยเอาใส่คุกทั้งผ้าเหลือง ชี้อาบัติอาศัยเหตุบ้านเมืองหนุนไม่ได้ ฆาราวาสกับพระไม่เหมือนกัน
วันนี้ (2 ธ.ค.) เมื่อเวลา 15.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่องพระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายยังอยู่ในวัดหรือไม่ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดูแลตรวจสอบอยู่แล้ว เราต้องปล่อยให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำรวจได้ทำงาน เมื่อถามย้ำว่า แล้วพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดพระธรรมกายหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ผมไม่บอกอะ”
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการต่อพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หลังเลยกำหนดให้มอบตัวภายใน 30 พ.ย.ว่า ในแง่สถานภาพของพระธัมมชโยถ้าให้ประกันก็จบ แต่ถ้าหากไม่ให้ประกันจะทำอย่างไร อย่าว่าแต่พระเลย หากกรณีโดนจับแล้วไม่ให้ประกันก็ต้องเข้าสู่การควบคุมตัว เราไม่มีการควบคุมตัวพระ เพราะฉะนั้นก็ต้องทำให้ท่านพ้นจากความเป็นพระถึงจะควบคุมตัวได้ ตนยังตอบไม่ถูกตรงนี้ ยังไม่มีคำตอบในอนาคตว่าจะเดินไปอย่างไร ลำพังการที่พระถูกตั้งข้อกล่าวหานั้นไม่เป็นเหตุให้พ้น แต่เมื่อไหร่ที่ถูกควบคุมตัวหรือถูกขัง และไม่ให้ประกัน จึงต้องทำให้พ้นจากการเป็นภิกษุ ภาวะคือต้องทำให้สึกก่อน คำว่าสึกคือสึกเอง หรือหาพระมาสึกให้ เราไม่เคยเอาพระทั้งผ้าเหลืองใส่คุก
เมื่อถามว่า กรณีให้มีการอาบัติต้องรอคดีสิ้นสุดก่อนหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เรื่องของอาบัติอาจจะอาศัยเหตุของบ้านเมืองมาเกื้อหนุนได้ แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องอาบัติโดยอัตโนมัติ คำว่าจะสึกเราจะเรียกว่านิคหกรรมคือการลงโทษที่สงฆ์กระทำความผิด เพราะฉะนั้นถ้าเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดถึงขั้นที่จะต้องสึก และการอาบัติมีหลายขั้นหนักสุดคือปาราชิก ซึ่งอาบัติหนักทำให้พ้นไปโดยอัตโนมัติ ถ้าเข้าข่ายขั้นปาราชิกนั้นต้องทำพิธีสึก ตรงนี้ต้องมีกรณีความผิดทางพระด้วย ส่วนกรณีความผิดทางบ้านเมืองบางอย่างเป็นความผิดทางพระด้วยคือสึกได้ แต่ความผิดทางบ้านเมืองบางอย่างไม่ใช่ ทุกอย่างอย่าไปทึกทักเอากรณีฆราวาสไปเทียบกับของพระ ไม่เหมือนกัน