สธ.ร่วม สสส. ภาคีเครือข่าย สร้างค่านิยม คนไทยอ่อนหวาน ใช้น้ำตาลซอง 4 กรัม หวังลดบริโภคน้ำตาล ลดโรคอ้วน โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ขอ 47 บริษัทผลิตน้ำตาล โรงแรม 8,000 แห่ง ร่วมผลิต/ใช้น้ำตาลซอง 4 กรัม ช่วยลดปริมาณน้ำตาลเดือนละ 3.5 กิโลกรัม ประหยัดค่ารักษาปีละ 174 ล้านบาท แนะคนป่วยเบาหวานใช้ "หญ้าหวาน-ชะเอมเทศ" เพิ่มความหวาน
วันนี้ (29 ก.ย.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวการขับเคลื่อนมาตรการคนไทยอ่อนหวาน ว่า คนไทยรับประทานน้ำตาลสูงมากเฉลี่ยปีละ 30 กิโลกรัมต่อคน หรือวันละ 20 ช้อนชา สูงกว่าองค์การอนามัยโลกแนะนำกว่า 3 เท่า ทำให้เกิดปัญหาโรคอ้วนเพิ่มมากขึ้น และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจสูง ทั้งนี้ น้ำตาลมีอยู่ในอาหารมื้อหลัก อาหารว่าง และชา กาแฟ ซึ่งผลสำรวจการจัดเครื่องดื่มงานประชุมในโรงแรม พบว่า ผู้เข้าประชุมไม่สนใจปริมาณในซองน้ำตาล และมักใช้เพียง 1 ซอง สธ.จึงเร่งรณรงค์สร้างค่านิยม "คนไทยอ่อนหวาน ใช้น้ำตาลซองไม่เกิน 4 กรัม" โดยขอความร่วมมือผู้ผลิตน้ำตาลทรายบรรจุซอง 47 แห่ง ให้ผลิตน้ำตาลซองขนาด 4 กรัม และขอความร่วมมือโรงแรม สถานที่จัดประชุม ประมาณ 8,000 แห่ง หันมาใช้น้ำตาลซองขนาด 4 กรัมแทน โดยหวังให้ประชาชนบริโภคน้ำตาลวันละไม่เกิน 6 ช้อนชาหรือ 24 กรัม คาดว่าจะช่วยลดความสูญเสียจากน้ำตาลปีละไม่ต่ำกว่า 174 ล้านบาท
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การปรับลดขนาดน้ำตาลบรรจุซอง จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพจากภาวะน้ำหนักตัวเกิน โรคอ้วน และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายการจัดซื้อน้ำตาลบรรจุซองของผู้ให้บริการจัดประชุม และลดขยะเหลือทิ้ง โครงการนี้ไม่ต้องออกระเบียบใหม่ สามารถใช้ประกาศ สธ. ฉบับที่ 367 พ.ศ. 2557 ว่าด้วยการแสดงฉลากอาหารในภาชนะบรรจุได้ และจะรณรงค์สื่อสารให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคน้ำตาลบรรจุซองต่อไป
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมฯได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดทำโครงการอาหารว่างเพื่อสุขภาพ (Healthy Meeting) เน้น 2 เรื่อง คือ 1.อาหารว่างที่ให้พลังงานต่ำกว่า 150 กิโลแคลอรีต่อวัน เช่น ผลไม้ ขนมที่ไม่หวานจัด และใช้น้ำตาลซอง 4 กรัม และ 2.มีการจัดกิจกรรมยืดเหยียดร่างกายคลายความเครียดระหว่างการประชุมด้วย ซึ่งขณะนี้มีภาคีเครือข่ายได้เข้าร่วมขับเคลื่อนรณรงค์แล้ว ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย ร้านแบล็คแคนยอนกว่า 200 สาขา และร้านคาเฟ่ อเมซอน กว่า 1,000 สาขา โดยร้านคาเฟ่ อเมซอน สาขากรมอนามัยเป็นสาขาแรกที่ร่วมรณรงค์น้ำตาลซอง 4 กรัม
นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักตัว แนะนำให้ใช้ความหวานจากธรรมชาติหรือพืชสมุนไพร 3 ชนิด ได้แก่ 1.หญ้าหวาน ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 150-300 เท่า แต่ไม่มีผลเพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย 2.ชะเอมเทศ มีสารให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 50-100 เท่า โดยใช้รากหรือเนื้อไม้ชะเอมเทศบดใส่ในอาหาร ใส่หรือต้มลงในเครื่องดื่ม ไม่ควรใช้เกิน 50 กรัมต่อวัน ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ เนื่องจากจะทำให้มีปัญหาน้ำคั่งในร่างกาย เกิดอาการบวมได้ จึงไม่ควรใช้ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงหรือมีภาวะโพแทสเซียมต่ำ และ 3.น้ำตาลจากธรรมชาติ เช่น น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลโตนด ซึ่งจะให้พลังงานน้อยกว่าน้ำตาลทราย โดยน้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนชา ให้พลังงาน 15 กิโลแคลอรี ขณะที่น้ำตาลทรายให้พลังงาน 20 กิโลแคลอรี
นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การปรับลดปริมาณน้ำตาลซองสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมให้ข้าราชการมีสุขภาพดี โดยปัจจุบันไทยมีข้าราชการพลเรือน 358,735 คน เมื่อคำนวณจากที่เคยใช้น้ำตาลซองละ 6 กรัม ปริมาณที่ลดลงซองละ 2 กรัม หากทุกคนประชุมเฉลี่ย 5 ครั้งต่อเดือน จะลดปริมาณการใช้น้ำตาลลง 3,587.35 กิโลกรัมต่อเดือน หากขยายนโยบายไปสู่การจัดประชุมสัมมนาอื่นๆ จะช่วยลดปริมาณการใช้ได้อีกจำนวนมาก และลดปัญหาโรคอ้วน เบาหวาน หัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เป็นสาเหตุการตายร้อยละ 63 ของการตายทั้งหมดของประชากรโลก
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่