ปลัดแรงงาน ผุดไอเดียเกณฑ์คัดเลือกแรงงานให้ทดสอบร่างกาย สกัดส่งขี้ยาไปทำงานต่างประเทศ กกจ.ยันระบบดูแลแรงงานไทยในอิสราเอลดีๆ ไม่ปล่อยให้อยู่ในสภาพแย่ ถูกเอาเปรียบ ลดค่าใช้จ่ายเดินทางเหลือแค่ 7.5 หมื่นบาท
วันนี้ (23 ม.ค.) นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กล่าวถึงผลสำรวจของกลุ่มเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนฮิวแมน ไรท์ วอช ในสหรัฐอเมริกาเผยแพร่รายงานโดยระบุแรงงานไทยในอิสราเอลที่ทำงานด้านเกษตร ประสบปัญหาถูกละเมิดสิทธิและเสี่ยงต่อสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัย ถูกบังคับให้ทำงานเกินเวลา และได้รับเงินเดือนต่ำกว่ามาตรฐาน ว่า ปัจจุบันมีแรงงานไทยในอิสราเอลกว่า 2.6 หมื่นคน ที่มีปัญหาไม่น่าจะถึง 1% ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นปัญหาของแรงงานทั้งหมดได้ และจากการไปตรวจเยี่ยมก็ไม่พบว่าแรงงานไทยมีปัญหาการทำงานทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยืนยันว่าไม่ปล่อยให้คนไทยทำงานในสภาพที่เลวร้าย หรือถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่ง กกจ.ได้มีเจ้าหน้าที่สำนักบริหารแรงงานไทยในอิสราเอลดูแล และช่วยเหลือคุ้มครองแรงงานไทยโดยในสัญญาจ้างได้กำหนดให้แรงงานต้องมีค่าใช้จ่ายบางส่วน ป็นค่าบริการดูแลช่วยเหลือแรงงานที่มีปัญหาในทุกๆ เรื่อง เช่น การทำงาน สุขภาพ ที่จะมีล่ามให้ความช่วยเหลือแรงงานด้วย
นายสุเมธ กล่าวอีกว่า ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานในอิสราเอลในอดีตนั้นมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 3 แสนบาท ทำให้ถูกมองว่าเป็นการค้ามนุษย์ รัฐบาลอิสราเอล จึงมีนโยบายให้เปลี่ยนแปลงระบบการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานอิสราเอล เป็นการจัดส่งโดยมีองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration -IOM) เป็นตัวกลางในการประสานงานสุ่มคัดเลือกผู้ที่ลงทะเบียนแจ้งความต้องการไปทำงานอิสราเอล โดยจะเสียค่าใช้จ่ายเดินทางกว่า 7.5 หมื่นบาทที่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งแรงงานไทยรับรู้ และยอมรับตั้งแต่ก่อนเดินทาง ส่วนค่าที่ได้รับประมาณ 4-5 หมื่นบาทต่อเดือน รวมถึงการทำงานต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลซึ่งการทำงานเกินเวลาทำงานปกติก็จะต้องได้ค่าทำงานล่วงเวลา หรือโอทีด้วย
ด้านนายนคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้หารือกับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ถึงเรื่องการคัดเลือกแรงงานไทยไปทำงานที่อิสราเอลให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น โดยจะหารือถึงรายละเอียดอีกครั้งในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนได้เสนอไปทาง กกจ.ให้ทดสอบสภาพความพร้อมของร่างกายสำหรับแรงงานที่จะไปทำงานที่อิสราเอล ในลักษณะเดียวกับโครงการไอเอ็มเจแปนที่ไทยส่งผู้ฝึกงานด้านช่างไปที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อคัดกรองแรงงานที่ติดยาเสพติดไม่ให้ไปทำงานต่างประเทศ เนื่องจากผู้ที่มีอาการติดยาจะไม่สามารถออกกำลังกายหนักๆ ได้ เช่น ว่ายน้ำ วิ่ง ทั้งนี้ เชื่อว่าหากทดสอบความพร้อมทางร่างกายจะเป็นวิธีคัดกรองที่ดีวิธีหนึ่ง
นายนคร กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องยาเสพติดที่แพร่ระบาดในอิสราเอลนั้น ตามกฎหมายระหว่างประเทศแรงงานไทยที่นำยาเสพติดไปจากไทยไปขายในอิสราเอลนอกจากจะมีความผิดตามกฎหมายของประเทศปลายทางแล้ว ยังมีความผิดตามกฎหมายไทยด้วย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) อยู่ระหว่างการหาข้อมูล และรายละเอียดทั้งหมดเพื่อดำเนินการต่อไป
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
กำลังโหลดเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น
