เด็กไทยนั่งเฉื่อยเพิ่มขึ้น วันๆ นั่งดูทีวี เล่นเกม จิ้มมือถือ รวมกว่า 14 ชั่วโมงต่อวัน ขาดการเคลื่อนไหวร่างกาย ห่วงส่งผลต่อพัฒนาการ สสส. เปิด 2 โครงการเพิ่มกิจกรรมทางกาย หวังคนไทยเคลื่อนไหวร่างกายเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในปี 2563
นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด สสส. เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมกิจกรรมทางกาย โดยตั้งเป้าหมายให้คนไทยมีกิจกรรมการทางกายเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในปี 2563 จากปัจจุบันในปี 2557 คนไทยมีกิจกรรมทางกายเพียง 67.6% และตั้งเป้าลดอัตราการชุกของภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนลง 10% โดยการทำงานในปี 2558 เน้นการเพิ่มกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมกับทุกช่วงวัย การเพิ่มพื้นที่สุขภาวะในโรงเรียน สถานประกอบการ ชุมชน สาธารณะ ทางสัญจร และลดเวลาของพฤติกรรมเนือยนิ่งจากการนั่ง การอยู่หน้าจอ และการเดินทาง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน อายุ 6 - 14 ปี ซึ่งปัจจุบันถูกคุกคามจากภาวะอ้วนลงพุง และยังมีกิจกรรมทางกายลดลงต่อเนื่อง ขณะที่มีเด็กถึง 41% ที่มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง คือ ใช้เวลาอยู่หน้าจอโทรทัศน์ถึง 6 ชั่วโมง/วัน นอกจากนั้น มีพฤติกรรมเนือยนิ่งอื่นๆ อาทิ นั่งเรียนทั้งในเวลาและเรียนเสริมนอกเวลา เล่นเกม เล่นโทรศัพท์มือถือ รวม 13.5 ชม./วัน
“จากการวิจัยพบว่า หากเด็กในวัยเรียนมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอจะส่งผลต่อพัฒนาการทุกด้าน ทั้งด้านสมอง อารมณ์ และการอยู่ร่วมกันในสังคม ดังนั้น สสส. จึงเน้นยุทธศาสตร์ไปที่กลุ่มเด็กและเยาวชน โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายในการดำเนินงาน 2 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการเพิ่มกิจกรรมทางกายในเด็ก (Active Play) ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ ขยายสนามเด็กเล่นแบบ Brain based สู่ศูนย์เด็กเล็กตั้งเป้า 200 แห่ง สร้างโรงเรียนส่งเสริมกิจกรรมทางกายต้นแบบ 100 แห่ง สร้างเครือข่ายโรงเรียนรักเดิน 20 แห่ง และ 2. โครงการสำรวจการมีกิจกรรมทางกายของเด็กไทย (Report Card) เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ กว่า 40 ประเทศทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลสำรวจได้ในปี 2559 เพื่อนำผลการสำรวจไปใช้ขับเคลื่อนนโยบายร่วมกับรัฐบาล เพราะปัญหาขาดกิจกรรมทางกายของเด็ก เป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ที่สังคมยังไม่ตระหนัก และต้องอาศัยความร่วมมือในการทำงานระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง” นายยงยุทธ กล่าว
นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้น เห็นชอบยุทธศาสตร์การเพิ่มพื้นที่สร้างเสริมกิจกรรมทางกายในชุมชนเมือง ได้แก่ โครงการเมืองเดินดี และโครงการลานกีฬาพัฒน์ เพื่อสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงคำนึงถึงการพัฒนาคนและชุมชนแออัด ให้มีสุขภาพกายที่แข็งแรง และสุขภาพใจที่ดี มีกำหนดพื้นที่นำร่อง 2 แห่ง ได้แก่ ลานกีฬาพัฒน์ชุมชนการเคหะคลองจั่น และชุมชนใต้ทางด่วนอุรุพงษ์
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด สสส. เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมกิจกรรมทางกาย โดยตั้งเป้าหมายให้คนไทยมีกิจกรรมการทางกายเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในปี 2563 จากปัจจุบันในปี 2557 คนไทยมีกิจกรรมทางกายเพียง 67.6% และตั้งเป้าลดอัตราการชุกของภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนลง 10% โดยการทำงานในปี 2558 เน้นการเพิ่มกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมกับทุกช่วงวัย การเพิ่มพื้นที่สุขภาวะในโรงเรียน สถานประกอบการ ชุมชน สาธารณะ ทางสัญจร และลดเวลาของพฤติกรรมเนือยนิ่งจากการนั่ง การอยู่หน้าจอ และการเดินทาง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน อายุ 6 - 14 ปี ซึ่งปัจจุบันถูกคุกคามจากภาวะอ้วนลงพุง และยังมีกิจกรรมทางกายลดลงต่อเนื่อง ขณะที่มีเด็กถึง 41% ที่มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง คือ ใช้เวลาอยู่หน้าจอโทรทัศน์ถึง 6 ชั่วโมง/วัน นอกจากนั้น มีพฤติกรรมเนือยนิ่งอื่นๆ อาทิ นั่งเรียนทั้งในเวลาและเรียนเสริมนอกเวลา เล่นเกม เล่นโทรศัพท์มือถือ รวม 13.5 ชม./วัน
“จากการวิจัยพบว่า หากเด็กในวัยเรียนมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอจะส่งผลต่อพัฒนาการทุกด้าน ทั้งด้านสมอง อารมณ์ และการอยู่ร่วมกันในสังคม ดังนั้น สสส. จึงเน้นยุทธศาสตร์ไปที่กลุ่มเด็กและเยาวชน โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายในการดำเนินงาน 2 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการเพิ่มกิจกรรมทางกายในเด็ก (Active Play) ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ ขยายสนามเด็กเล่นแบบ Brain based สู่ศูนย์เด็กเล็กตั้งเป้า 200 แห่ง สร้างโรงเรียนส่งเสริมกิจกรรมทางกายต้นแบบ 100 แห่ง สร้างเครือข่ายโรงเรียนรักเดิน 20 แห่ง และ 2. โครงการสำรวจการมีกิจกรรมทางกายของเด็กไทย (Report Card) เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ กว่า 40 ประเทศทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลสำรวจได้ในปี 2559 เพื่อนำผลการสำรวจไปใช้ขับเคลื่อนนโยบายร่วมกับรัฐบาล เพราะปัญหาขาดกิจกรรมทางกายของเด็ก เป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ที่สังคมยังไม่ตระหนัก และต้องอาศัยความร่วมมือในการทำงานระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง” นายยงยุทธ กล่าว
นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้น เห็นชอบยุทธศาสตร์การเพิ่มพื้นที่สร้างเสริมกิจกรรมทางกายในชุมชนเมือง ได้แก่ โครงการเมืองเดินดี และโครงการลานกีฬาพัฒน์ เพื่อสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงคำนึงถึงการพัฒนาคนและชุมชนแออัด ให้มีสุขภาพกายที่แข็งแรง และสุขภาพใจที่ดี มีกำหนดพื้นที่นำร่อง 2 แห่ง ได้แก่ ลานกีฬาพัฒน์ชุมชนการเคหะคลองจั่น และชุมชนใต้ทางด่วนอุรุพงษ์
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่