เผยมีผู้ป่วยกว่า 1.2 พันรายได้รับผลกระทบจากมลพิษไฟไหม้ขยะ ชี้มี 3 รายอาการกำเริบ เพราะโรคประจำตัวหอบหืด-ถุงลมโป่งพองต้องนอน รพ.ผอ.วอร์รูมบ่อขยะ ระบุยังคงทีมเฝ้าระวังสุขภาพต่อเนื่องทั้งผู้สัมผัสมลพิษและคุณภาพอากาศ น้ำ และอาหาร โดยจะติดตามผลต่อเนื่องด้านสิ่งแวดล้อมจนถึง 28 มี.ค.นี้สร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน
วันนี้ (24 มี.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงการวางแผนติดตามดูแลสุขภาพประชาชนที่สัมผัสมลพิษจากไฟไหม้บ่อขยะ ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ของที่ประชุมวอร์รูมติดตามสถานการณ์มลพิษจากไฟไหม้บ่อขยะ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ รวมทั้งเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ว่า ผลการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของ สธ.ที่ อบต.แพรกษา วัดแพรกษา รวมทั้งที่โรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียงทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม - 23 มีนาคม 2557 พบผู้ป่วย รวม 1,261 ราย ส่วนใหญ่มีอาการระคายเคืองตา แสบคอ แสบจมูก โดยมีผู้ป่วยโรคหอบหืดและถุงลมโป่งพองอาการกำเริบ ต้องนอนพักรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ จำนวน 3 ราย เร่งกำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ให้ความรู้ คำแนะนำแก่ประชาชนที่อยู่ในรอบๆ บ่อขยะ ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการเจ็บป่วย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ เด็กแรกเกิด ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะโรระบบทางเดินหายใจ หอบหืด ถุงลมโป่งพอง
ด้าน นพ.นำพล แดนพิพัฒน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีเหตุการณ์ไฟไหม้บ่อขยะ จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ได้วางแผนจัดมาตรการเฝ้าระวังผลกระทบเร่งด่วน 2 ด้าน คือ การเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพในคน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่1.กลุ่มสัมผัสรุนแรง ได้แก่ นักผจญเพลิง พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ต้องอยู่เฝ้าสถานประกอบการ นักข่าว วินมอเตอร์ไซค์ ประชาชนอาศัยใกล้จุดเกิดเพลิงไหม้ในรัศมี 200 เมตร 2.กลุ่มเสี่ยงปานกลาง คือ ประชาชนในรัศมี 201-1,000 เมตร และ 3.กลุ่มเสี่ยงน้อย ในรัศมี 1,000 เมตรขึ้นไป โดยจะเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและโรงพยาบาลบางพลี จะนำเจ้าหน้าที่ พร้อมรถเอกซเรย์เคลื่อน ออกให้บริการ ตรวจเลือด และเอกซเรย์ แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบบ่อขยะ ส่วนการเฝ้าระวังในด้านสิ่งแวดล้อม จะตรวจคุณภาพอากาศทุกวันต่อเนื่องจนถึงวันศุกร์ 28 มีนาคม 2558 และจะเก็บตัวอย่าง น้ำผิวดิน บ่อน้ำ น้ำบาดาล และเก็บตัวอย่างอาหารต่างๆ ผัก ผลไม้ ตรวจหาสารปนเปื้อนใน เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจแก่ประชาชน