สธ.เผยมีประชาชนป่วยจากมลพิษไฟไหม้ขยะที่สมุทรปราการ16-22 มี.ค. รวมกว่า 1,200 ราย ส่วนใหญ่ระคายเคือง แสบตา ตาแดง ต้องได้รับการล้างตา ส่วนเด็กอายุ 1 ปี 8 เดือน ที่มีปัญหาปอดอักเสบติดเชื้ออาการดีขึ้น แพทย์ให้กลับบ้านแล้ว พร้อมทั้งวางแผนจัดทีมเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพในประชาชน และสิ่งแวดล้อม หลังจากไฟดับแล้ว ด้านสภาทนายฯ ช่วยคดี ปชช.เตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายเจ้าของบ่อขยะ ขณะที่ทหารยังเฝ้าระวังบ่อขยะแพรกษาต่ออีก 3 วัน
วานนี้ (23 มี.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์มลพิษจากไฟไหม้บ่อขยะที่ ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ว่า วันนี้ที่ประชุมวอร์รูมติดตามสถานการณ์มลพิษจากไฟไหม้บ่อขยะ ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ รายงานว่าเมื่อเวลา 20.00 น.วานนี้ (22 มีนาคม ) เจ้าหน้าที่สามารถดับควันไฟ บ่อขยะได้แล้ว โดยในวันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัคสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ออกไปแจกเอกสารให้ความรู้ คำแนะนำแก่ประชาชนที่อยู่ในรัศมีรอบบ่อขยะ ในการปฏิบัติตัว เพื่อลดความเสี่ยง ผลกระทบต่อสุขภาพจากการสัมผัสควันไฟอีกระยะหนึ่ง
นพ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า วันนี้หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของกระทรวงสาธารณสุข ยังออกให้บริการตรวจรักษาประชาชนที่วัดแพรกษา โดยจะให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. ทั้งนี้ผลรวมจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบและสัมผัสควันไฟบ่อขยะที่เข้ารับการตรวจรักษา ที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รวมทั้งที่โรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียงทั้งภาครัฐบาลและเอกชน รวม 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 16-22 มี.ค.รวม 1,200 ราย ส่วนใหญ่มีอาการระคายเคืองตา แสบคอ แสบจมูก สำหรับเด็กอายุ 1 ปี 8 เดือน ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสมุทรปราการ ด้วยอาการปอดติดเชื้อ ในวันนี้อาการดีขึ้นแพทย์อนุญาตใกล้กลับได้แล้ว
นพ.นำพล แดนพิพัฒน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ให้ฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีเหตุการณ์ไฟไหม้บ่อขยะ ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า วันนี้ผลการตรวจวัดค่าฝุ่นละออง (PM10) วัดได้ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย ทั้งนี้ภายหลังควันไฟไหม้บ่อขยะดับแล้ว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ได้วางแผนจัดมาตรการเฝ้าระวังผลกระทบ 2 ด้าน ได้แก่ 1.การเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพในคน โดยให้บริการตรวจสุขภาพในกลุ่มนักผจญเพลิง พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ต้องอยู่เฝ้าสถานประกอบการ ผู้สื่อข่าว รวมทั้งประชาชนที่พักอาศัยอยู่รอบบ่อขยะ ในรัศมี 200 เมตร โดยจะนัดให้ไปรับบริการตรวจที่งานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลสมุทรปราการ โดยไม่เสียค่าบริการ และ 2.การเฝ้าระวังในด้านสิ่งแวดล้อม การตรวจหาสารปนเปื้อนในน้ำ อาหาร และอากาศ เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจแก่ประชาชนที่อยู่อาศัย
ด้าน นายสุวิทย์ เชยอุบล อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ระบุว่า กลุ่มทนายความแนะนำชาวบ้านราว 500 ครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบ โดยจะลงชื่อกรอกเอกสารแต่งตั้ง เพื่อให้สภาทนายความเป็นตัวแทนฟ้องร้องต่อศาลปกครองและศาลแพ่ง ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ฟ้องหน่วยงานราชการ เช่นนายกองค์การบริหารส่วน ต.แพรกษา ผู้ว่าราชการจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด และกรมควบคุมมลพิษ ส่วนศาลแพ่งเป็นการเรียกร้องค่าเสียหายทางสุขภาพและจิตใจจากเจ้าของบ่อขยะ ซึ่งมีบริษัทเอกชนเป็นผู้ดูแล โดยเบื้องต้น ฝ่ายกฎหมายจะเร่งรวบรวมเอกสารหลักฐานก่อนสรุปสำนวนยื่นฟ้องศาลในสัปดาห์นี้ ส่วนคดีอาญามีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ดำเนินการ และจนถึงขณะนี้ มีชาวบ้านไปแจ้งความแล้วไม่น้อยกว่า 1,900 ครัวเรือน
นายมงคล ขอร้อง ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมเจ้าหน้าที่อีกหลายหน่วยงาน เข้าตรวจสอบการดับไฟที่บ่อขยะซอย 8 แพรกษา กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงมีรถน้ำจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 10 คัน รถน้ำจากป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอีก 5 คัน และรถแบ็กโฮสะเทินน้ำสะเทินบกอีก 5 คัน รวมทั้งเจ้าหน้าที่จาก ปตท. ยังคงทำงานกันอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคุอยู่ใต้กองขยะ คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่เกิน 3 วัน คงจะดับทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลิ่นควันขณะนี้ถือว่ายังคงหลงเหลือบ้างเล็กน้อย ซึ่งลอยอยู่เพียงในบ่อขยะเท่านั้น ไม่รบกวนชาวบ้าน รวมทั้งเส้นทางตามถนนก็สามารถใช้สัญจรไป-มาได้แล้วตามปกติ
ขณะเดียวกัน ยังคงมีทหารจากกองพลทหารราบที่ 11 จำนวน 150 นาย ผลัดเปลี่ยนกันมาช่วยดูแลและดับไฟไม่ให้เกิดการปะทุขึ้นมา เพื่อช่วยกันฉีดน้ำคุมพื้นที่บ่อขยะในจุดที่ยังมีควันหลงเหลือโดยเฉพาะโซนทิศตะวันออก ในส่วนอื่นๆ เจ้าหน้าที่ทยอยขนอุปกรณ์ดับเพลิงเดินทางกลับที่ตั้งกันบางส่วน
สำหรับขั้นตอนต่อไป จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเยียวยาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากไฟไหม้บ่อขยะต่อไป
วานนี้ (23 มี.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์มลพิษจากไฟไหม้บ่อขยะที่ ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ว่า วันนี้ที่ประชุมวอร์รูมติดตามสถานการณ์มลพิษจากไฟไหม้บ่อขยะ ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ รายงานว่าเมื่อเวลา 20.00 น.วานนี้ (22 มีนาคม ) เจ้าหน้าที่สามารถดับควันไฟ บ่อขยะได้แล้ว โดยในวันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัคสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ออกไปแจกเอกสารให้ความรู้ คำแนะนำแก่ประชาชนที่อยู่ในรัศมีรอบบ่อขยะ ในการปฏิบัติตัว เพื่อลดความเสี่ยง ผลกระทบต่อสุขภาพจากการสัมผัสควันไฟอีกระยะหนึ่ง
นพ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า วันนี้หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของกระทรวงสาธารณสุข ยังออกให้บริการตรวจรักษาประชาชนที่วัดแพรกษา โดยจะให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. ทั้งนี้ผลรวมจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบและสัมผัสควันไฟบ่อขยะที่เข้ารับการตรวจรักษา ที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รวมทั้งที่โรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียงทั้งภาครัฐบาลและเอกชน รวม 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 16-22 มี.ค.รวม 1,200 ราย ส่วนใหญ่มีอาการระคายเคืองตา แสบคอ แสบจมูก สำหรับเด็กอายุ 1 ปี 8 เดือน ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสมุทรปราการ ด้วยอาการปอดติดเชื้อ ในวันนี้อาการดีขึ้นแพทย์อนุญาตใกล้กลับได้แล้ว
นพ.นำพล แดนพิพัฒน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ให้ฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีเหตุการณ์ไฟไหม้บ่อขยะ ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า วันนี้ผลการตรวจวัดค่าฝุ่นละออง (PM10) วัดได้ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย ทั้งนี้ภายหลังควันไฟไหม้บ่อขยะดับแล้ว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ได้วางแผนจัดมาตรการเฝ้าระวังผลกระทบ 2 ด้าน ได้แก่ 1.การเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพในคน โดยให้บริการตรวจสุขภาพในกลุ่มนักผจญเพลิง พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ต้องอยู่เฝ้าสถานประกอบการ ผู้สื่อข่าว รวมทั้งประชาชนที่พักอาศัยอยู่รอบบ่อขยะ ในรัศมี 200 เมตร โดยจะนัดให้ไปรับบริการตรวจที่งานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลสมุทรปราการ โดยไม่เสียค่าบริการ และ 2.การเฝ้าระวังในด้านสิ่งแวดล้อม การตรวจหาสารปนเปื้อนในน้ำ อาหาร และอากาศ เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจแก่ประชาชนที่อยู่อาศัย
ด้าน นายสุวิทย์ เชยอุบล อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ระบุว่า กลุ่มทนายความแนะนำชาวบ้านราว 500 ครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบ โดยจะลงชื่อกรอกเอกสารแต่งตั้ง เพื่อให้สภาทนายความเป็นตัวแทนฟ้องร้องต่อศาลปกครองและศาลแพ่ง ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ฟ้องหน่วยงานราชการ เช่นนายกองค์การบริหารส่วน ต.แพรกษา ผู้ว่าราชการจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด และกรมควบคุมมลพิษ ส่วนศาลแพ่งเป็นการเรียกร้องค่าเสียหายทางสุขภาพและจิตใจจากเจ้าของบ่อขยะ ซึ่งมีบริษัทเอกชนเป็นผู้ดูแล โดยเบื้องต้น ฝ่ายกฎหมายจะเร่งรวบรวมเอกสารหลักฐานก่อนสรุปสำนวนยื่นฟ้องศาลในสัปดาห์นี้ ส่วนคดีอาญามีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ดำเนินการ และจนถึงขณะนี้ มีชาวบ้านไปแจ้งความแล้วไม่น้อยกว่า 1,900 ครัวเรือน
นายมงคล ขอร้อง ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมเจ้าหน้าที่อีกหลายหน่วยงาน เข้าตรวจสอบการดับไฟที่บ่อขยะซอย 8 แพรกษา กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงมีรถน้ำจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 10 คัน รถน้ำจากป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอีก 5 คัน และรถแบ็กโฮสะเทินน้ำสะเทินบกอีก 5 คัน รวมทั้งเจ้าหน้าที่จาก ปตท. ยังคงทำงานกันอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคุอยู่ใต้กองขยะ คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่เกิน 3 วัน คงจะดับทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลิ่นควันขณะนี้ถือว่ายังคงหลงเหลือบ้างเล็กน้อย ซึ่งลอยอยู่เพียงในบ่อขยะเท่านั้น ไม่รบกวนชาวบ้าน รวมทั้งเส้นทางตามถนนก็สามารถใช้สัญจรไป-มาได้แล้วตามปกติ
ขณะเดียวกัน ยังคงมีทหารจากกองพลทหารราบที่ 11 จำนวน 150 นาย ผลัดเปลี่ยนกันมาช่วยดูแลและดับไฟไม่ให้เกิดการปะทุขึ้นมา เพื่อช่วยกันฉีดน้ำคุมพื้นที่บ่อขยะในจุดที่ยังมีควันหลงเหลือโดยเฉพาะโซนทิศตะวันออก ในส่วนอื่นๆ เจ้าหน้าที่ทยอยขนอุปกรณ์ดับเพลิงเดินทางกลับที่ตั้งกันบางส่วน
สำหรับขั้นตอนต่อไป จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเยียวยาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากไฟไหม้บ่อขยะต่อไป
