องค์กรสตรี จับมือชุมชน กทม.จี้ รองผู้ว่าฯ คุมพฤติกรรมเสื่อมสงกรานต์ หลังมีบทเรียนขี้เมาป่วน-ลวนลาม-คุกคามทางเพศซ้ำซาก วอนจัดโซนนิงพื้นที่ปลอดภัย เข้มกฎหมายคุมน้ำเมา ด้าน กทม.รับลูก เตรียมประสานหน่วยงานทุกภาคส่วนวางแผนรับมือ นำร่อง 4 จุดเสี่ยง สีลม ข้าวสาร อักษะ โชคชัย 4
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่สำนักพัฒนาสังคมกรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 13.30 น. นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พร้อมด้วยเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพฯ เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กว่า 50 คน เข้าพบ นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อเรียกร้องให้ กทม.วางมาตรการเร่งด่วนรับมือการเล่นน้ำสงกรานต์ ที่ค่านิยมแบบผิดๆระบาด เช่น ลามกอนาจาร การล่วงละเมิดทางเพศ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายจะเด็จ กล่าวว่า ทางมูลนิธิฯมีความเป็นห่วงว่าเทศกาลสงกรานต์ที่ใกล้เข้ามาถึงนี้ จะกลายเป็นเทศกาลสงกรานต์เสื่อมถอยหลังไปตามสภาพสังคมที่เน้นความสนุกสนานการดื่มฉลอง ส่งผลกระทบ ทั้งอุบัติเหตุ ความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน การทะเลาะวิวาท การคุกคามทางเพศ เห็นได้จากข้อมูลที่มูลนิธิฯสำรวจเมื่อปี 2556 ต่อ “มุมมองวัยรุ่นต่อปัญหาล่วงละเมิดทางเพศช่วงสงกรานต์” โดยสำรวจเยาวชนชายอายุ 15-25 ปี 664 ตัวอย่าง ในพื้นที่กทม.พบว่า 72% วัยรุ่นไทยให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้มากที่สุด ส่วนปัญหาที่คิดว่าจะเกิดขึ้นมากในวันสงกรานต์ คือ ทะเลาะวิวาท 30% แต่งตัวล่อแหลม 27% อุบัติเหตุจากการขับรถ 16% การลวนลาม คุกคามทางเพศ 13% การสาดน้ำรุนแรง 12% ในกรณีคุกคามทางเพศในช่วงสงกรานต์ กลุ่มตัวอย่างเกินครึ่ง หรือ 57% มองเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข และ 26% เป็นเทศกาลแห่งโอกาสใครๆ ก็ทำได้ไม่ต้องสนใจกฎหมาย ส่วน 17% มองเป็นเรื่องปกติ สำหรับปัจจัยที่ทำให้การลวนลาม คุกคามทางเพศเกิดขึ้น 59% ระบุว่า มาจากการดื่มสุรา 14% ค่านิยมที่ผิดไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น 9% เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลย 6% การยุยงส่งเสริมของเพื่อน 6% การพึ่งพายาเสพติด 5%
“กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยหากมีมาตรการป้องกัน โดย 40% ต้องการให้บังคับใช้กฎหมาย 37% รณรงค์สร้างจิตสำนึก สร้างค่านิยมที่ถูกต้อง เคารพและให้เกียรติซึ่งกัน 23% มีหน่วยงานร้องเรียนช่วยเหลือให้คำปรึกษา และ 77% เห็นว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องปรับปรุงอย่างมากในช่วงสงกรานต์ คือ การเข้มงวด ตรวจจับผู้ที่ทำผิดกฎหมายในพื้นที่ กทม.นอกจากนี้กว่า 60% เห็นด้วยหากห้ามขาย ห้ามดื่มสุราในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์” นายจะเด็จ กล่าว
ด้านนายนรินทร์ แป้นประเสริฐ ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพฯ กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ใน กทม.ที่ผ่านมา อาทิ ถนนข้าวสาร ถนนสีลม โชคชัย 4 ฯลฯ พบปัญหาสำคัญ ได้แก่ การฉวยโอกาสลวนลามคุกคามทางเพศ การทะเลาะวิวาท รวมถึงการฉวยโอกาสขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่มีใบอนุญาต การเร่ขาย ขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ขายให้คนเมาขาดสติ รวมถึงปัญหาการดื่มสุราบนรถขณะอยู่บนทาง ซึ่งผิดกฎหมายทั้งสิ้น ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เครือข่ายฯมีข้อเสนอต่อกรุงเทพมหานครในฐานะประธานกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กทม.เพื่อนำไปพิจารณาดังนี้ 1.มีนโยบายให้แต่ละเขตจัดพื้นที่จัดเล่นสงกรานต์ให้ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และควบคุมการเล่นสงกรานต์ที่ไม่เหมาะสม เช่น การลวนลามและคุกคามทางเพศต่อผู้หญิงและเด็ก 2.วางแผนเชิงรุกเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เช่น การลวนลาม คุกคามทางเพศ โดยสั่งการให้เทศกิจประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรับแจ้งร้องทุกข์ให้การช่วยเหลือ 3.ขอให้ทุกเขตเข้มงวดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และ 4.ขอให้ กทม.ตระหนักว่าการจัดกิจกรรมสงกรานต์ร่วมกับธุรกิจแอลกอฮอล์ จะทำให้ผู้ว่าราชการ กทม.สุ่มเสี่ยงต่อการตกเป็นเครื่องมือ และอาจจะกลายเป็นผู้กระทำความผิดร่วม ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ได้ ซึ่งในเรื่องนี้อยากฝากไปถึงเขตต่างให้ระมัดระวังไม่ควรตกเป็นเหยื่อธุรกิจน้ำเมาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังรับเรื่องร้องเรียนว่า กทม.ยินดีรับข้อเสนอจากเครือข่ายฯไปพิจารณาและจัดเตรียมแผนรองรับ โดยจะเชิญหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งนี้กทม.เองยินดีจะตั้งจุดรับแจ้งเพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชน เพื่อให้การเล่นน้ำสงกรานต์มีความปลอดภัยทั้ง 50 เขต อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีบางพื้นที่ใน กทม.ที่หละหลวมต่อการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังจากนี้ กทม.จะจัดรณรงค์ และวางแผนการทำงานให้เป็นรูปธรรม นำร่องในพื้นที่ 4 จุด คือ สีลม ข้าวสาร อักษะ โชคชัย 4 เพื่อให้เป็นพื้นที่เล่นสงกรานต์อย่างถูกกฎหมายและปลอดภัยได้ผลอย่างแท้จริง
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่สำนักพัฒนาสังคมกรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 13.30 น. นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พร้อมด้วยเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพฯ เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กว่า 50 คน เข้าพบ นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อเรียกร้องให้ กทม.วางมาตรการเร่งด่วนรับมือการเล่นน้ำสงกรานต์ ที่ค่านิยมแบบผิดๆระบาด เช่น ลามกอนาจาร การล่วงละเมิดทางเพศ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายจะเด็จ กล่าวว่า ทางมูลนิธิฯมีความเป็นห่วงว่าเทศกาลสงกรานต์ที่ใกล้เข้ามาถึงนี้ จะกลายเป็นเทศกาลสงกรานต์เสื่อมถอยหลังไปตามสภาพสังคมที่เน้นความสนุกสนานการดื่มฉลอง ส่งผลกระทบ ทั้งอุบัติเหตุ ความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน การทะเลาะวิวาท การคุกคามทางเพศ เห็นได้จากข้อมูลที่มูลนิธิฯสำรวจเมื่อปี 2556 ต่อ “มุมมองวัยรุ่นต่อปัญหาล่วงละเมิดทางเพศช่วงสงกรานต์” โดยสำรวจเยาวชนชายอายุ 15-25 ปี 664 ตัวอย่าง ในพื้นที่กทม.พบว่า 72% วัยรุ่นไทยให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้มากที่สุด ส่วนปัญหาที่คิดว่าจะเกิดขึ้นมากในวันสงกรานต์ คือ ทะเลาะวิวาท 30% แต่งตัวล่อแหลม 27% อุบัติเหตุจากการขับรถ 16% การลวนลาม คุกคามทางเพศ 13% การสาดน้ำรุนแรง 12% ในกรณีคุกคามทางเพศในช่วงสงกรานต์ กลุ่มตัวอย่างเกินครึ่ง หรือ 57% มองเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข และ 26% เป็นเทศกาลแห่งโอกาสใครๆ ก็ทำได้ไม่ต้องสนใจกฎหมาย ส่วน 17% มองเป็นเรื่องปกติ สำหรับปัจจัยที่ทำให้การลวนลาม คุกคามทางเพศเกิดขึ้น 59% ระบุว่า มาจากการดื่มสุรา 14% ค่านิยมที่ผิดไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น 9% เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลย 6% การยุยงส่งเสริมของเพื่อน 6% การพึ่งพายาเสพติด 5%
“กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยหากมีมาตรการป้องกัน โดย 40% ต้องการให้บังคับใช้กฎหมาย 37% รณรงค์สร้างจิตสำนึก สร้างค่านิยมที่ถูกต้อง เคารพและให้เกียรติซึ่งกัน 23% มีหน่วยงานร้องเรียนช่วยเหลือให้คำปรึกษา และ 77% เห็นว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องปรับปรุงอย่างมากในช่วงสงกรานต์ คือ การเข้มงวด ตรวจจับผู้ที่ทำผิดกฎหมายในพื้นที่ กทม.นอกจากนี้กว่า 60% เห็นด้วยหากห้ามขาย ห้ามดื่มสุราในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์” นายจะเด็จ กล่าว
ด้านนายนรินทร์ แป้นประเสริฐ ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพฯ กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ใน กทม.ที่ผ่านมา อาทิ ถนนข้าวสาร ถนนสีลม โชคชัย 4 ฯลฯ พบปัญหาสำคัญ ได้แก่ การฉวยโอกาสลวนลามคุกคามทางเพศ การทะเลาะวิวาท รวมถึงการฉวยโอกาสขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่มีใบอนุญาต การเร่ขาย ขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ขายให้คนเมาขาดสติ รวมถึงปัญหาการดื่มสุราบนรถขณะอยู่บนทาง ซึ่งผิดกฎหมายทั้งสิ้น ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เครือข่ายฯมีข้อเสนอต่อกรุงเทพมหานครในฐานะประธานกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กทม.เพื่อนำไปพิจารณาดังนี้ 1.มีนโยบายให้แต่ละเขตจัดพื้นที่จัดเล่นสงกรานต์ให้ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และควบคุมการเล่นสงกรานต์ที่ไม่เหมาะสม เช่น การลวนลามและคุกคามทางเพศต่อผู้หญิงและเด็ก 2.วางแผนเชิงรุกเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เช่น การลวนลาม คุกคามทางเพศ โดยสั่งการให้เทศกิจประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรับแจ้งร้องทุกข์ให้การช่วยเหลือ 3.ขอให้ทุกเขตเข้มงวดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และ 4.ขอให้ กทม.ตระหนักว่าการจัดกิจกรรมสงกรานต์ร่วมกับธุรกิจแอลกอฮอล์ จะทำให้ผู้ว่าราชการ กทม.สุ่มเสี่ยงต่อการตกเป็นเครื่องมือ และอาจจะกลายเป็นผู้กระทำความผิดร่วม ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ได้ ซึ่งในเรื่องนี้อยากฝากไปถึงเขตต่างให้ระมัดระวังไม่ควรตกเป็นเหยื่อธุรกิจน้ำเมาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังรับเรื่องร้องเรียนว่า กทม.ยินดีรับข้อเสนอจากเครือข่ายฯไปพิจารณาและจัดเตรียมแผนรองรับ โดยจะเชิญหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งนี้กทม.เองยินดีจะตั้งจุดรับแจ้งเพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชน เพื่อให้การเล่นน้ำสงกรานต์มีความปลอดภัยทั้ง 50 เขต อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีบางพื้นที่ใน กทม.ที่หละหลวมต่อการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังจากนี้ กทม.จะจัดรณรงค์ และวางแผนการทำงานให้เป็นรูปธรรม นำร่องในพื้นที่ 4 จุด คือ สีลม ข้าวสาร อักษะ โชคชัย 4 เพื่อให้เป็นพื้นที่เล่นสงกรานต์อย่างถูกกฎหมายและปลอดภัยได้ผลอย่างแท้จริง