ตรัง - แม่ ด.ญ.6 ขวบ ชาว อ.ย่านตาขาว พาบุตรสาวชั้นอนุบาล 2 ร้องสื่อมวลชน หลังจากถูกเพื่อน และรุ่นพี่ 5 คน รุมกระทำอนาจาร ด้วยการใช้หัวเข็มขัดสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศ แต่เรื่องกลับเงียบหาย ด้าน ผอ.ระบุแค่การแสดงละครแบบกอดจูบกันของเด็กเล็กๆ ที่เล่นไปเพื่อความสนุกสนาน
วันนี้ (6 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.00 น. นางหัตถกร ศกุนตะฤทธิ์ อายุ 30 ปี มารดาของ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 6 ปี 7 เดือน ซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน ว่า บุตรสาวของตนได้ถูกเพื่อนร่วมชั้น และรุ่นพี่ จำนวน 5 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 4 คน ร่วมกันใช้กำลังทำอนาจาร และทำร้ายร่างกายด้วยการใช้หัวเข็มขัดสอดใส่เข้าไปภายในอวัยวะเพศ จนส่งผลกระทบต่อร่างกาย และจิตใจของบุตรสาวเป็นอย่างมาก และยังไม่อยากไปโรงเรียนเพราะถูกเพื่อนๆ ล้อ
นางหัตถกร เล่าว่า เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา โดยตนได้เดินทางไปรับบุตรสาวที่โรงเรียนในช่วงเย็น และได้สังเกตว่า น้องเอ มีอาการผิดปกติไปจากทุกวัน ซึ่งเมื่อพากลับไปส่งที่บ้านตนเองก็ได้ออกไปทำงานที่ปั๊มแก๊ส โดยให้ลูกอยู่กับยาย กระทั่งเมื่อตนกลับมาตอนรุ่งเช้า ยายได้บอกว่า น้องเอ มีอาการซึมเศร้า และไม่ยอมรับประทานอาหาร จึงอยากให้พาไปหาหมอ เมื่อตนได้สอบถามบุตรสาว แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ และไม่ยอมพูดจาอะไรเลย ทำให้ตนเกิดความสงสัยจึงได้เดินทางไปยังที่โรงเรียน และได้ถามเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งของบุตรสาว โดยยอมบอกว่า เห็นน้องเอ ถูกคุกคามทางเพศ ตนจึงรีบพาบุตรสาวไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลย่านตาขาว เพื่อให้ตรวจร่างกาย
ทั้งนี้ เบื้องต้นแพทย์ได้ลงความเห็นว่า อวัยวะเพศของ น้องเอ มีร่องรอยฟกช้ำ และมีบาดแผลบริเวณช่องคลอดจริง รวมทั้งมีเม็ดตุ่ม และมีหนองไหลออกมาด้วย จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า บุตรสาวน่าจะโดนกระทำมาแล้วก่อนหน้านี้หลายครั้ง และถูกกระทำซ้ำล่าสุดอีก แพทย์จึงได้เก็บปัสสาวะของบุตรสาวเอาไว้เพื่อตรวจให้ละเอียดอีกครั้ง และได้ให้ยามารับประทานที่บ้าน เพราะบริเวณแผลมีเม็ดตุ่มแดง พร้อมทั้งยังนัดหมายเพื่อตรวจดูอาการในเดือนมีนาคมอีกครั้ง ส่วนทางคดีความนั้นตนได้เข้าแจ้งความต่อ สภ.ย่านตาขาว ไว้แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงแค่ลงบันทึกประจำวันเอาไว้อย่างเดียว และไม่ได้มีการสอบสวนเพิ่มเติมแต่อย่างใด
นางหัตถกร กล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุตนได้เข้าไปยังโรงเรียนดังกล่าว เพื่อขอคำชี้แจงจากครูประจำชั้น และผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ปล่อยปละละเลยให้บุตรสาวโดนกระทำทั้งๆ ที่ยังอยู่ในเวลาเรียนได้อย่างไร แต่ครูประจำชั้นกลับบอกว่า เบื้องต้นได้ว่ากล่าวตักเตือนเพื่อนร่วมชั้น และรุ่นพี่ทั้ง 5 คนไปแล้ว พร้อมกับปัดความรับผิดชอบ
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องออกมาร้องต่อสื่อมวลชนในจังหวัดตรัง เพื่อให้ช่วยเหลือตนเอง และบุตรสาวด้วย เพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครได้อีกแล้ว
นอกจากนั้น เมื่อตนเองเดินทางไปปรึกษาที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 ก็แค่คำแนะนำให้บุตรสาวหยุดพักการเรียนไปก่อน เพราะเกรงว่าหากถูกเพื่อนล้อมากๆ เข้า อาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจให้ย่ำแย่ไปกว่าเดิมได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากให้บุตรสาวหยุดพักการเรียนไปในช่วงนี้ ก็อาจจะเกิดปัญหา เพราะกำลังอยู่ในช่วงใกล้สอบ และหากจะให้ย้ายโรงเรียนก็คงยิ่งลำบาก ดังนั้น ตนเองจึงอยากให้ผู้ปกครองของนักเรียนที่ก่อเหตุ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบต่อเรื่องนี้ด้วย แม้จะเข้าใจว่าผู้กระทำผิดทั้ง 5 คน จะเป็นเด็ก และอาจทำไปโดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ตนก็รับไม่ได้ที่บุตรสาวโดนกระทำขนาดนี้ แต่ไม่มีใครเหลียวแลเลย
นายวินัย ทองรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 1 กล่าวว่า จากการสอบสวนกรณีในเบื้องต้นทราบว่า หลังเกิดเหตุ ทางโรงเรียนได้เรียกผู้ปกครองของ ด.ญ.เอ และผู้ปกครองของเพื่อนร่วมชั้น และรุ่นพี่ทั้ง 5 คน มาพบแล้ว พร้อมสอบถามไปยังเพื่อนคนอื่นที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ โดยระบุว่า ในวันดังกล่าวได้มีการแสดงละครแบบกอดจูบกัน แต่เป็นไปในลักษณะของเด็กเล็กๆ ที่เล่นไปเพื่อความสนุกสนาน โดยมิได้มีเรื่องความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือมีการกระทำอนาจารใดๆ เลย ซึ่งผู้ปกครองของ ด.ญ.เอ ก็เข้าใจ และยอมรับไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมจึงได้ไปแจ้งความในวันรุ่งขึ้น และร้องเรียนสื่อมวลชนในเวลาต่อมา
ฉะนั้น เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย จึงอยากให้เรื่องนี้ดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งการสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการตรวจพิสูจน์บาดแผลซึ่งเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศของ ด.ญ.เอ โดยจากแพทย์จากโรงพยาบาลย่านตาขาว ซึ่งหากผลออกมาเช่นไร ก็คงจะต้องดำเนินการไปตามนั้น ส่วนในช่วงนี้ยังอยากจะหาทางประคับประคอบให้ ด.ญ.เอ อยู่ที่โรงเรียนเดิมต่อไป เพราะเท่าที่ดูก็ยังมิได้เกิดปัญหาใดๆ ในเรื่องของการอยู่ร่วมกับเพื่อน ยกเว้นหากเป็นความประสงค์ของผู้ปกครองจริงๆ ก็จะช่วยดำเนินการย้ายไปยังโรงเรียนอื่นให้ พร้อมยืนยันว่า ทางสำนักงานเขตพื้นที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ และจะติดตามดูแลให้จนถึงที่สุด