xs
xsm
sm
md
lg

สตช.แถลงสรุปสถานการณ์ชุมนุมรายวัน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


โฆษก สตช.แถลงสรุปสถานการณ์ชุมนุมรายวัน พร้อมกำชับตำรวจกวดขันจับขายเหล้าวันมาฆบูชา-ห่วงเด็กฉลองวันวาเลนไทน์

วันนี้ (12 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก สตช. พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษก กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมและด่านตรวจความมั่นคงว่า ผลการปฏิบัติและผลการประชุมของหน่วยงานต่างๆ ของศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย ได้รายงานสถานการณ์การชุมนุมยังคงเป็นการชุมนุมตามปกติของแต่ละเวที ประกอบด้วยเวทีของ กปปส. เดิมทีมีการค้างแรมอยู่ที่บริเวณอยู่สาวรีย์ฯ, บริเวณประตู 3-4 ทำเนียบรัฐบาล และเวทีแยก จปร.-ผ่านฟ้า โดยเวทีหลักมี 5 เวที ประกอบด้วย แจ้งวัฒนะ, ปทุมวัน, ราชประสงค์, ศาลาแดง และอโศก ส่วนสถานที่ราชการที่ถูกปิดอยู่ มีบริเวณทำเนียบรัฐบาล, ศูนย์ราชการ กระทรวงพลังงาน กรมการขนส่งทางบก กระทรวงมหาดไทย และบริเวณสะพานไทย-ญี่ปุ่น และไทย-เบลเยียม ส่วนสถานที่ราชการอื่นๆ สามารถปฏิบัติราชการได้ตามปกติ ด้านเวทีคู่ขนานตามต่างจังหวัดคงยังคงมีการชุมนุมบางส่วน

สำหรับคดีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ก.พ. เวลาประมาณ 22.15 น. จุดตรวจความมั่นคงแยกมหานคร แขวงสุวินทวงศ์ เขตลำผักชี กทม. ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังตั้งจุดตรวจ นายเชาว์ เกิดมงคล อายุ 48 ปี ขับขี่รถยนต์ผ่านด่านตรวจท่าทีมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงเรียกตรวจค้น พบอาวุธปืน 2 กระบอก กระสุนปืน 49 นัด และมีเครื่องกระสุนปืน 37 นัด จากการสอบสวน ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นอาสาสมัครทหารพราน พร้อมแสดงบัตรประจำตัว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือไม่ โดยให้พนักงานสอบสวนนำส่ง สน.ลำผักชี ส่วนกรณีบริเวณจุดตรวจตึกชาญอิสสระ ทาวเวอร์ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง เมื่อเวลาประมาณ 03.40 น. ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ นายอนุวัฒน์ พรหมโชติ อายุ 34 ปี ขับขี่รถยนต์ผ่านด่านตรวจ พบอาวุธปืน 1 กระบอก กระสุน 5 นัด เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง รวมทั้งความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และนำตัวส่ง สน.มักกะสัน สำหรับผลการตั้งด่านจุดตรวจสามารถจับกุมอาวุธต่างๆ ได้ เช่น อาวุธปืน 3 กระบอก กระสุนปืน 91 นัด อาวุธมีด 2 เล่ม วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง กัญชา 1 ถุง และโคเคน 7.25 กรัม ได้ผู้ต้องหา 5 คน

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ 11 ก.พ. ในเวลา 20.35 น. บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล เกิดเหตุการ์ดของกลุ่ม คปท.ทำร้ายกันเอง ปรากฏว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ชื่อนายสรพงษ์ ผาสุข อายุ 39 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช ได้รับบาดเจ็บสาหัส เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี จากการสอบสวนโดยหัวหน้าการ์ดยอมรับว่าเป็นการทะเลาะกันของการ์ดด้วยกันเอง ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ได้สอบปากคำผู้บาดเจ็บและดำเนินการสอบสวนเพื่อจะออกหมายจับผู้ต้องหาทันที

ล่าสุด ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการขัดขวางการเลือกตั้ง มีคดีความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. คดีเกี่ยวกับเรื่องการขัดขวางการเลือกตั้ง มีจำนวน 150 คดี 2. คดีที่เกี่ยวกับการแจ้งความกล่าวหาเจ้าหน้าที่ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีจำนวน 106 คดี 3. คดีผู้ที่ไปใช้สิทธิแล้วฉีกบัตร จำนวน 11 คดี ส่วนคดีอื่น อาทิ จำหน่ายสุรา คดีทำร้ายร่างกาย จำนวน 22 คดี รวมคดีที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้งประเทศ จำนวน 289 คดี ส่วนพื้นที่ที่มีการแจ้งความดำเนินคดีมากที่สุดจะเป็นตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 106 คดี พื้นที่ตำรวจนครบาล จำนวน 61 คดี และคดีที่ศาลออกหมายจับเกี่ยวกับความผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้ง มี 2 พื้นที่ คือ ใน กทม. จำนวน 12 คดี ซึ่งมี 2 คดี อยู่ที่ สน.ทุ่งสองห้อง กรณีศาลออกหมายจับหลวงปู่พุทธะอิสระ ในข้อหาขัดขวางการเลือกตั้ง และกรณีที่ สน.พหลโยธิน นายอิสสระ สมชัย ซึ่งทั้งสองเป็นแกนนำกปปส. ถูกศาลออกหมายจับข้อหาขัดขวางการเลือกตั้ง และตำรวจภูธรภาค7 33 คดี

จากกรณีที่ด่านบริเวณถนนอังรีดูนังต์ ได้มีการจับกุมนายสุวิทย์ นาเมืองรัตน์ และนายอำนาจ โสภา โดยได้ของกลางเป็นท่อนเหล็กสีดำ ปรากฏว่าท่อนเหล็กสีดำดังกล่าวเมื่อนำมาถอดออกจะบรรจุกระสุนลูกซองเบอร์ 12 ประกอบกับท่อนเหล็ก ส่วนท้ายมีเข็มแทงชนวนสามารถใช้ยิงได้เป็นอาวุธ จะเห็นได้ว่าขณะนี้เริ่มมีการนำสิ่งที่ดูเหมือนว่าไม่ใช่อาวุธถือทั่วไป พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้สั่งให้มีการขยายผลตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากรกล่าวถึงมาตรการในวันที่ 14 ก.พ.เป็นวันมาฆบูชา ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ประกาศห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันมาฆบูชา วันวิสาขาบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ยกเว้นการขายในโรงแรม โดยมาตราการที่ ตร.ออก มี 3 ข้อ คือ 1. ให้สถานีตำรวจประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานบริการ ผู้ประกอบการร้านค้า งดจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกฮอล์ตั้งแต่เวลา 00.01-24.00 น. หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 39 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกฮอล์ พ.ศ. 2551 ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. ให้ตำรวจตั้งจุดตรวจจุดสกัดและจุดวัดแอลกฮอล์บนถนนสายหลัก หากพบการกระทำความผิด เมาแล้วขับหรือตรวจพบแอลกอฮอล์เกินกฏหมายที่กำหนด ให้สืบสวนขยายผลว่ามีผู้ใดจำหน่ายให้ผู้ขับขี่ 3. ประสานงานกับเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขในการจับกุมผู้กระทำผิด

ทั้งนี้ ในวันที่ 14 ก.พ. ยังเป็นวันวาเลนไทน์ ซึ่งทาง ตร.เป็นห่วงเด็กและเยาวชนจึงได้ออกมาตรการ 3 ประเด็นหลัก ดังนี้ 1. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดสายตรวจในพื้นที่เสี่ยงล่อแหลม การเกิดอาชญากรรมหรือว่าการคุกคามทางเพศเด็กและเยาวชน เช่น สถานบริการ สถานบันเทิง โรงแรมม่านรูด สวนสาธารณะ และแหล่งมั่วสุมอื่นๆ 2. ให้เพิ่มความเข้มงวดในการกวดขันการให้บริการสถานบริการ สถานบันเทิงต่างๆ ให้เปิด-ปิดตามกฎหมาย 3. ขอความร่วมมือประชาชนหากพบเบาะแสการเกิดอาชญากรรมหรือว่ามีการคุกคามต่อเด็กและเยาวชน ให้แจ้งมาที่เบอร์โทรศัพท์ 1599 หรือ 191

พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากรกล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชนตั้งแต่มีการชุมนุมจนถึงปัจจุบันยอดผู้บาดเจ็บมีจำนวนทั้งสิ้น 289 นาย โดยมีบาดเจ็บสาหัส 8 นาย มีเสียชีวิต 2 นาย อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกลุ่มผู้ชุมนุมทำร้าย 26 นาย ซึ่งในจำนวนนี้มี 2 นายที่ยังนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
กำลังโหลดความคิดเห็น