มั่นใจคำสั่งเชือด “ศศิธารา” ไม่มีปัญหา “จาตุรนต์” คาด กกต.ตอบกลับภายในสัปดาห์นี้ เพราะเป็นเรื่องการสอบวินัยร้ายแรง ไม่ใช่ประเด็นที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือการโยกย้ายในช่วงการเลือกตั้ง สั่ง ปลัด ศธ.ทำหนังสือ สลค.กรณีปลด ซี 11 ต้องเข้าสู่ ครม.หรือไม่ ย้ำไม่ได้เอาผิดกรณีเอกสารหาย แต่เพราะ “ศศิธารา” อนุมัติเบิกจ่ายโดยไม่มีการตรวจสอบ ยัน อ.ก.พ.สกศ.ทุกคนตัดสินโดยพิจารณาเอกสารหลักฐานถี่ถ้วน
วันนี้ (3 มี.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีทำหนังสือแจ้งมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ทำหน้าที่ อ.ก.พ.กระทรวง ที่ให้ปลด น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา ออกจากราชการกรณีเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษา โครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 (SP2) : ไทยเข้มแข็ง 2555 สูญหายและส่อว่าจะเกิดความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ พร้อมทั้งส่งร่างคำสั่งหนังสือปลดออกหารือไปยังประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ กกต.จะมีหนังสือตอบกลับไปยังกระทรวง ทั้งนี้มั่นใจว่า กกต.จะพิจารณาไม่นานเพราะไม่มีประเด็นจะต้องพิจารณาคำสั่งปลดครั้งนี้ เนื่องจากไม่ได้มีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่ได้เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายแทนตำแหน่งว่างในช่วงการเลือกตั้ง แต่เป็นการสอบสวนทางวินัยทาง โดย อ.ก.พ.สกศ.จึงไม่อยู่ในประเด็นที่ กกต.จะต้องพิจารณา
รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้หลังจากที่ กกต.มีหนังสือตอบกลับมาแล้วถ้าไม่ต้องนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบ ตนในฐานะรักษาการ รมว.ศึกษาธิการ ก็สามารถลงนามในคำสั่งปลดออกจากข้าราชการได้ทันที อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ได้ให้ นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัด (ศธ.) ทำหนังสือสอบถามไปยัง สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ด้วยว่ากรณีปลดระดับ 11 ออกจากราชการ จำเป็นจะต้องทำเรื่องเข้าพิจารณาใน ครม.หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ น.ส.ศศิธารา ชี้แจงว่ากรณีเอกสารหายนั้น เจ้าตัวไม่ได้ทำผิดตามหนังสือกระทรวงการคลังที่ กค.0526.7/ว.72 เพราะระเบียบดังกล่าวเป็นแนวปฏิบัติใช้ในกรณีเอกสารสูญหายหลังการเบิกจ่าย แต่กรณีนี้เป็นเอกสารสูญหายก่อนการเบิกจ่ายนั้น นายจาตุรนต์ กล่าวว่า โดยข้อเท็จจริงแล้วเมื่อพบว่าเอกสารหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่พัสดุ รองเลขาธิการ กอศ.ในขณะนั้น ได้เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีเอกสารหายก่อนที่จะให้มีการเบิกจ่าย ซึ่ง นางสาวศศิธารา ก็อนุมัติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่กลับไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นจริง และปล่อยให้มีการอนุมัติเบิกจ่ายไปตามขอบเขตงาน หรือ ทีโออาร์แนบท้ายสัญญาหรือทีโออาร์ที่ใช้ในการตรวจรับของ ซึ่งไม่ตรงกับทีโออาร์ที่ใช้ในการประกวดราคา ทำให้ราชการต้องได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ อ.ก.พ.สกศ.เอง ก็มีการอภิปรายในประเด็นนี้กัน แต่ได้ข้อสรุปว่า คดีนี้ไม่ใช่เรื่องของการทำเอกสารหาย แต่เป็นเรื่องที่ น.ส.ศศิธารา ให้เบิกจ่ายเงินไปโดยที่ไม่มีการตรวจสอบก่อน โดยใช้เอกสารทีโออาร์ที่ไม่ตรงกับของจริง ซึ่งก็เป็นผลจาการที่ไม่มีการตรวจสอบ ทำให้ราชการเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง
“คดีนี้ไม่ใช่เรื่องของการเอาผิดเพราะทำเอกสารหาย เรื่องของเอกสารหายเป็นเรื่องของคนทำเอกสาร ซึ่งก็ต้องสอบสวนหาผู้รับผิดชอบต่อไป แต่กรณีนี้เป็นการเอาผิดกรณีที่ น.ส.ศศิธารา อนุมัติเบิกจ่ายโดยไม่มีการตรวจสอบ ทั้งที่ก็รู้กันอยู่ว่าควรจะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน จึงจะมีการเบิกจ่าย ผลก็คือมีการเบิกจ่ายไปตามทีโออาร์ที่ไม่ตรงกับทีโออาร์ที่ประกวดราคา ส่งผลให้ข้าราชการเสียหายและยังทำให้เกิดการส่งครุภัณฑ์ที่ไม่ตรงกับความต้องการของวิทยาลัย ทั้งนี้ นางสาวศศิธารา ได้ทำเอกสารชี้แจงเรื่องทั้งหมดมายัง อ.ก.พ.สกศ.แล้ว และ อ.ก.พ.สกศ.ทุกคนก็ได้อ่านคำชี้แจงนั้น ก่อนจะมาอภิปรายกันในที่ประชุม และมีมติให้เอาผิดร้ายแรง นางสาวศศิธารา ปลดออกจากข้าราชการ” นายจาตุรนต์ กล่าว
วันนี้ (3 มี.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีทำหนังสือแจ้งมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ทำหน้าที่ อ.ก.พ.กระทรวง ที่ให้ปลด น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา ออกจากราชการกรณีเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษา โครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 (SP2) : ไทยเข้มแข็ง 2555 สูญหายและส่อว่าจะเกิดความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ พร้อมทั้งส่งร่างคำสั่งหนังสือปลดออกหารือไปยังประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ กกต.จะมีหนังสือตอบกลับไปยังกระทรวง ทั้งนี้มั่นใจว่า กกต.จะพิจารณาไม่นานเพราะไม่มีประเด็นจะต้องพิจารณาคำสั่งปลดครั้งนี้ เนื่องจากไม่ได้มีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่ได้เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายแทนตำแหน่งว่างในช่วงการเลือกตั้ง แต่เป็นการสอบสวนทางวินัยทาง โดย อ.ก.พ.สกศ.จึงไม่อยู่ในประเด็นที่ กกต.จะต้องพิจารณา
รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้หลังจากที่ กกต.มีหนังสือตอบกลับมาแล้วถ้าไม่ต้องนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบ ตนในฐานะรักษาการ รมว.ศึกษาธิการ ก็สามารถลงนามในคำสั่งปลดออกจากข้าราชการได้ทันที อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ได้ให้ นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัด (ศธ.) ทำหนังสือสอบถามไปยัง สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ด้วยว่ากรณีปลดระดับ 11 ออกจากราชการ จำเป็นจะต้องทำเรื่องเข้าพิจารณาใน ครม.หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ น.ส.ศศิธารา ชี้แจงว่ากรณีเอกสารหายนั้น เจ้าตัวไม่ได้ทำผิดตามหนังสือกระทรวงการคลังที่ กค.0526.7/ว.72 เพราะระเบียบดังกล่าวเป็นแนวปฏิบัติใช้ในกรณีเอกสารสูญหายหลังการเบิกจ่าย แต่กรณีนี้เป็นเอกสารสูญหายก่อนการเบิกจ่ายนั้น นายจาตุรนต์ กล่าวว่า โดยข้อเท็จจริงแล้วเมื่อพบว่าเอกสารหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่พัสดุ รองเลขาธิการ กอศ.ในขณะนั้น ได้เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีเอกสารหายก่อนที่จะให้มีการเบิกจ่าย ซึ่ง นางสาวศศิธารา ก็อนุมัติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่กลับไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นจริง และปล่อยให้มีการอนุมัติเบิกจ่ายไปตามขอบเขตงาน หรือ ทีโออาร์แนบท้ายสัญญาหรือทีโออาร์ที่ใช้ในการตรวจรับของ ซึ่งไม่ตรงกับทีโออาร์ที่ใช้ในการประกวดราคา ทำให้ราชการต้องได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ อ.ก.พ.สกศ.เอง ก็มีการอภิปรายในประเด็นนี้กัน แต่ได้ข้อสรุปว่า คดีนี้ไม่ใช่เรื่องของการทำเอกสารหาย แต่เป็นเรื่องที่ น.ส.ศศิธารา ให้เบิกจ่ายเงินไปโดยที่ไม่มีการตรวจสอบก่อน โดยใช้เอกสารทีโออาร์ที่ไม่ตรงกับของจริง ซึ่งก็เป็นผลจาการที่ไม่มีการตรวจสอบ ทำให้ราชการเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง
“คดีนี้ไม่ใช่เรื่องของการเอาผิดเพราะทำเอกสารหาย เรื่องของเอกสารหายเป็นเรื่องของคนทำเอกสาร ซึ่งก็ต้องสอบสวนหาผู้รับผิดชอบต่อไป แต่กรณีนี้เป็นการเอาผิดกรณีที่ น.ส.ศศิธารา อนุมัติเบิกจ่ายโดยไม่มีการตรวจสอบ ทั้งที่ก็รู้กันอยู่ว่าควรจะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน จึงจะมีการเบิกจ่าย ผลก็คือมีการเบิกจ่ายไปตามทีโออาร์ที่ไม่ตรงกับทีโออาร์ที่ประกวดราคา ส่งผลให้ข้าราชการเสียหายและยังทำให้เกิดการส่งครุภัณฑ์ที่ไม่ตรงกับความต้องการของวิทยาลัย ทั้งนี้ นางสาวศศิธารา ได้ทำเอกสารชี้แจงเรื่องทั้งหมดมายัง อ.ก.พ.สกศ.แล้ว และ อ.ก.พ.สกศ.ทุกคนก็ได้อ่านคำชี้แจงนั้น ก่อนจะมาอภิปรายกันในที่ประชุม และมีมติให้เอาผิดร้ายแรง นางสาวศศิธารา ปลดออกจากข้าราชการ” นายจาตุรนต์ กล่าว