“อภิชาติ” เตรียมส่งข้อมูลเพิ่มเติมคดี “ศศิธารา” ให้ “จาตุรนต์” ย้ำจากนี้ถือสิ้นสุดหน้าที่ มั่นใจข้อมูลที่เคยสรุปก่อนหน้าเพียงพอพิจารณาโทษได้ ส่วนคืบหน้าคดี “ชินภัทร” คาดสรุปได้ 17 ก.พ.นี้
วันนี้ (11 ก.พ.) นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ในฐานะประธานกรรมการสอบวินัยร้ายแรง น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา กรณีเอกสารจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษา โครงการภายใต้แผนพื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP2) : ไทยเข้มแข็ง 2555 สูญหาย และส่อว่าจะเกิดความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดโครงการดังกล่าวเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) เปิดเผยว่า ตนได้นัดประชุมกรรมการสอบสวนฯ เพื่มสรุปข้อมูลครั้งสุดท้ายก่อนส่งมอบข้อมูลให้แก่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธาน อ.ก.พ.สำนักงานสภาการศึกษา (สกศ.) ที่ทำหน้าที่ อ.ก.พ.กระทรวง โดยจะส่งข้อมูลให้นายจาตุรนต์ ในวันที่ 11 ก.พ.เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ประธาน อ.ก.พ.จะได้พิจารณาข้อมูลที่คณะกรรมการสอบฯ ส่งให้ไปก่อนจะมีการเรียกประชุม อ.ก.พ.สกศ.เพื่อพิจารณาโทษ น.ส.ศศิธารา ต่อไป
ทั้งนี้ ข้อมูลที่กรรมการสอบฯ ส่งให้เพิ่มเติมนั้นมี 2 ประเด็นตามที่ อ.ก.พ.มอบหมายมา ประเด็นแรก คือ ได้ประสานไปยังกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อขอข้อมูลว่า โดยทั่วไปการเบิกจ่ายเงินราชการจากกรณีการจัดซื้อจัดจ้างนั้นจะต้องใช้เอกสารขั้นต่ำอะไรบ้าง และมีขั้นตอนในการตรวจสอบเอกสารอย่างไร ซึ่งกรมบัญชีกลางได้มีหนังสือตอบกลับมาแล้ว ส่วนอีกประเด็นได้ให้มหาวิทยาลัยช่วยคำนวณส่วนต่างระหว่างการจัดซื้อจัดจ้างที่ปรากฏบนทีโออาร์ที่ประกาศ กับรายละเอียดบนทีโออาร์แนบท้ายสัญญาซึ่งใช้ในการตรวจรับนั้นมีความแตกต่าง หรือไม่เป็นมูลค่าเท่าใด ผลการตรวจสอบพบว่า มีความแตกต่างหรือทำให้ราชการเสียหายเป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท ในทางราชการแล้วถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
“หลังจากส่งข้อมูลให้ประธาน อ.ก.พ.แล้ว ถือว่าหน้าที่ของกรรมการสอบฯจบแล้ว ขึ้นอยู่กับ อ.ก.พ.กระทรวงจะพิจารณาโทษอย่างไร อย่างไรก็ตาม ในฐานะประธานกรรมการสอบฯ ผมมั่นใจว่า ข้อมูลที่มีอยู่ในสรุปผลการสอบสวนซึ่งส่งไปตั้งแต่แรกนั้น สามารถพิจารณาโทษได้แล้ว โดยไม่ต้องรอข้อมูลสอบพิ่มเติมอีก” นายอภิชาติ กล่าว
นายอภิชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ จากกรณีปัญหาทุจริตการสอบครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว่า เดิมทางคณะกรรมการสอบสวนฯ จะสรุปผลสอบในเดือน ม.ค.แต่จากการประชุมนัดล่าสุด มีกรรมการ 2 คน จาก 7 คน ไม่ได้เข้าร่วมทำให้ไม่สามารถเซ็นเอกสารที่จะสรุปผลได้ และจากการประชุมกรรมการที่เข้าร่วม 5 คน มีความเห็นว่าควรจะตัดรายละเอียดบางเรื่องเพราะไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับข้อหาที่ตั้งกรรมการสอบสวนอดีตเลขาธิการ กพฐ. ดังนั้น จะนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 17 ก.พ.นี้ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในสำนวนนี้ ส่วนการพิจารณาในสำนวนที่ 2 คดีที่ 2 ที่ นายชินภัทร ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงร่วมกับข้าราชการอีก 7 คนนั้น จะสรุปผลไม่เกินอีก 1 เดือน หรือประมาณเดือน มี.ค.เนื่องจากพยานขอผลัดคำให้การเพราะเดินทางไปต่างประเทศ
วันนี้ (11 ก.พ.) นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ในฐานะประธานกรรมการสอบวินัยร้ายแรง น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา กรณีเอกสารจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษา โครงการภายใต้แผนพื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP2) : ไทยเข้มแข็ง 2555 สูญหาย และส่อว่าจะเกิดความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดโครงการดังกล่าวเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) เปิดเผยว่า ตนได้นัดประชุมกรรมการสอบสวนฯ เพื่มสรุปข้อมูลครั้งสุดท้ายก่อนส่งมอบข้อมูลให้แก่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธาน อ.ก.พ.สำนักงานสภาการศึกษา (สกศ.) ที่ทำหน้าที่ อ.ก.พ.กระทรวง โดยจะส่งข้อมูลให้นายจาตุรนต์ ในวันที่ 11 ก.พ.เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ประธาน อ.ก.พ.จะได้พิจารณาข้อมูลที่คณะกรรมการสอบฯ ส่งให้ไปก่อนจะมีการเรียกประชุม อ.ก.พ.สกศ.เพื่อพิจารณาโทษ น.ส.ศศิธารา ต่อไป
ทั้งนี้ ข้อมูลที่กรรมการสอบฯ ส่งให้เพิ่มเติมนั้นมี 2 ประเด็นตามที่ อ.ก.พ.มอบหมายมา ประเด็นแรก คือ ได้ประสานไปยังกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อขอข้อมูลว่า โดยทั่วไปการเบิกจ่ายเงินราชการจากกรณีการจัดซื้อจัดจ้างนั้นจะต้องใช้เอกสารขั้นต่ำอะไรบ้าง และมีขั้นตอนในการตรวจสอบเอกสารอย่างไร ซึ่งกรมบัญชีกลางได้มีหนังสือตอบกลับมาแล้ว ส่วนอีกประเด็นได้ให้มหาวิทยาลัยช่วยคำนวณส่วนต่างระหว่างการจัดซื้อจัดจ้างที่ปรากฏบนทีโออาร์ที่ประกาศ กับรายละเอียดบนทีโออาร์แนบท้ายสัญญาซึ่งใช้ในการตรวจรับนั้นมีความแตกต่าง หรือไม่เป็นมูลค่าเท่าใด ผลการตรวจสอบพบว่า มีความแตกต่างหรือทำให้ราชการเสียหายเป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท ในทางราชการแล้วถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
“หลังจากส่งข้อมูลให้ประธาน อ.ก.พ.แล้ว ถือว่าหน้าที่ของกรรมการสอบฯจบแล้ว ขึ้นอยู่กับ อ.ก.พ.กระทรวงจะพิจารณาโทษอย่างไร อย่างไรก็ตาม ในฐานะประธานกรรมการสอบฯ ผมมั่นใจว่า ข้อมูลที่มีอยู่ในสรุปผลการสอบสวนซึ่งส่งไปตั้งแต่แรกนั้น สามารถพิจารณาโทษได้แล้ว โดยไม่ต้องรอข้อมูลสอบพิ่มเติมอีก” นายอภิชาติ กล่าว
นายอภิชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ จากกรณีปัญหาทุจริตการสอบครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว่า เดิมทางคณะกรรมการสอบสวนฯ จะสรุปผลสอบในเดือน ม.ค.แต่จากการประชุมนัดล่าสุด มีกรรมการ 2 คน จาก 7 คน ไม่ได้เข้าร่วมทำให้ไม่สามารถเซ็นเอกสารที่จะสรุปผลได้ และจากการประชุมกรรมการที่เข้าร่วม 5 คน มีความเห็นว่าควรจะตัดรายละเอียดบางเรื่องเพราะไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับข้อหาที่ตั้งกรรมการสอบสวนอดีตเลขาธิการ กพฐ. ดังนั้น จะนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 17 ก.พ.นี้ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในสำนวนนี้ ส่วนการพิจารณาในสำนวนที่ 2 คดีที่ 2 ที่ นายชินภัทร ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงร่วมกับข้าราชการอีก 7 คนนั้น จะสรุปผลไม่เกินอีก 1 เดือน หรือประมาณเดือน มี.ค.เนื่องจากพยานขอผลัดคำให้การเพราะเดินทางไปต่างประเทศ