สพฐ.ส่งหนังสือถึง “บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ” ยกเลิกสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตอย่างเป็นทางการ พร้อมแจ้งธนาคารริบเงินประกันเฉพาะส่วน สพฐ.กว่า 57 ล้านบาท เตรียมเดินหน้าอี-ออกชัน โซน 1 และ 2 ใหม่ เผยแจ้ง “บ.สุพรีมฯ” รับทราบมติบอร์ดและเรียกเข้ามาเซ็นสัญญาเดินหน้าจัดซื้อโซน 3 ต่อไป ด้าน “จาตุรนต์” ยันไม่แก้ไขทีโออาร์ เว้นกรณีอุปกรณ์เลิกผลิตหรือล้าสมัยให้แก้เฉพาะจุด
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน มีมติให้ยกเลิกสัญญากับ บ.เสิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัด ซึ่งชนะการประมูลแท็บเล็ตระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ในโซน 1 และ (ภาคกลาง และภาคใต้) และโซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) และให้ไปดำเนินการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-ออกชัน ทั้ง 2 โซนใหม่โดยใช้สเปกและร่างขอบเขตงาน (ทีโออาร์) เดิม ว่า โดยหลักจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขทีโออาร์แน่นอน ยกเว้นกรณีที่พบว่าอุปกรณ์ชิ้นใดยกเลิกการผลิตหรือล้าสมัย ที่ประชุมได้ให้ความเห็นว่าหากจำเป็นก็แก้ไขเฉพาะจุดแต่ไม่ใช่แก้ไขทั้งทีโออาร์ พร้อมทั้งให้ สพฐ.สรุปบทเรียนการดำเนินการที่ผ่านมาและให้วางแนวทางการตรวจสอบที่เข้มข้น เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทที่จะเข้าประมูลใหม่มีขีดความสามารถทำได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ดำเนินการในเรื่องเหล่านี้ตามลำดับแต่สุดท้ายก็เกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม การประกาศอี-ออกชัน ใหม่โซน 1 และโซน 2 นั้น ทาง สพฐ.ขอเวลาดำเนินการ 1-2 สัปดาห์ โดยได้กำหนดปฏิทินดำเนินการคร่าวๆ ว่าจะสามารถส่งมอบแท็บเล็ต ปีการศึกษา 2556 ได้ในเดือนมิถุนายน 2557
ด้าน นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ตนได้ลงนามในหนังสือยกเลิกสัญญาการจัดซื้อแท็บเล็ตเป็นทางการถึง บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลในโซนที่ 1 และ 2 แล้ว พร้อมทั้งได้ทำหนังสือถึงธนาคารเพื่อแจ้งขอริบเงินประกันกว่า 57 ล้านบาท และภายในสัปดาห์นี้เมื่อบริษัทรับทราบหนังสือยกเลิกสัญญาก็จะเดินหน้าการประกวดราคาผ่านระบบอี-ออกชันต่อไป เช่นเดียวกับในโซนที่ 3 ได้ทำหนังสือแจ้งบริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อให้รับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารฯ ที่ให้ยกเลิกคำสั่งยกเลิกการประมูลและแจ้งให้ บ.สุพรีมฯ มาทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างและเดินหน้าตามขั้นตอนต่อไป
นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล กรรมการผู้จัดการบ.สุพรีมฯ กล่าวว่า ทางบริษัทยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งจาก สพฐ.เรื่องมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารฯ ที่ให้ยกเลิกคำสั่งการประมูลและจะให้มาทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง คาดว่าในเร็วๆ นี้น่าจะได้รับหนังสือจาก สพฐ. ซึ่งหลังจากการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้วจะสามารถส่งมอบแท็บเล็ตของชั้น ม.1 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 426,683 เครื่องได้ทันภายใน 90 วันหลังมีการลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งทางบริษัทฯได้มีการเตรียมการไว้เดิมอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ส่วนกรณีที่จะมีการอี-ออกชันรอบใหม่ในโซนที่ 1 และ 2 นั้นขอดูรายละเอียดการประกวดราคาก่อนเพราะทางบริษัทฯ ต้องดูกำลังการผลิตแท็บเล็ตด้วยว่าหากเข้าร่วมประมูลและชนะจะสามารถส่งมอบแท็บเล็ตได้ทันหรือไม่ อย่างไรก็ตามส่วนตัวเห็นว่าการการประกวดราคาแท็บเล็ตอยากจะให้เปิดกว้างให้เฉพาะบริษัทในประเทศมากกว่าหากเปิดกว้างให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาแข่งขันจะควบคุมได้ยาก
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน มีมติให้ยกเลิกสัญญากับ บ.เสิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัด ซึ่งชนะการประมูลแท็บเล็ตระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ในโซน 1 และ (ภาคกลาง และภาคใต้) และโซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) และให้ไปดำเนินการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-ออกชัน ทั้ง 2 โซนใหม่โดยใช้สเปกและร่างขอบเขตงาน (ทีโออาร์) เดิม ว่า โดยหลักจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขทีโออาร์แน่นอน ยกเว้นกรณีที่พบว่าอุปกรณ์ชิ้นใดยกเลิกการผลิตหรือล้าสมัย ที่ประชุมได้ให้ความเห็นว่าหากจำเป็นก็แก้ไขเฉพาะจุดแต่ไม่ใช่แก้ไขทั้งทีโออาร์ พร้อมทั้งให้ สพฐ.สรุปบทเรียนการดำเนินการที่ผ่านมาและให้วางแนวทางการตรวจสอบที่เข้มข้น เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทที่จะเข้าประมูลใหม่มีขีดความสามารถทำได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ดำเนินการในเรื่องเหล่านี้ตามลำดับแต่สุดท้ายก็เกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม การประกาศอี-ออกชัน ใหม่โซน 1 และโซน 2 นั้น ทาง สพฐ.ขอเวลาดำเนินการ 1-2 สัปดาห์ โดยได้กำหนดปฏิทินดำเนินการคร่าวๆ ว่าจะสามารถส่งมอบแท็บเล็ต ปีการศึกษา 2556 ได้ในเดือนมิถุนายน 2557
ด้าน นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ตนได้ลงนามในหนังสือยกเลิกสัญญาการจัดซื้อแท็บเล็ตเป็นทางการถึง บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลในโซนที่ 1 และ 2 แล้ว พร้อมทั้งได้ทำหนังสือถึงธนาคารเพื่อแจ้งขอริบเงินประกันกว่า 57 ล้านบาท และภายในสัปดาห์นี้เมื่อบริษัทรับทราบหนังสือยกเลิกสัญญาก็จะเดินหน้าการประกวดราคาผ่านระบบอี-ออกชันต่อไป เช่นเดียวกับในโซนที่ 3 ได้ทำหนังสือแจ้งบริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อให้รับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารฯ ที่ให้ยกเลิกคำสั่งยกเลิกการประมูลและแจ้งให้ บ.สุพรีมฯ มาทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างและเดินหน้าตามขั้นตอนต่อไป
นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล กรรมการผู้จัดการบ.สุพรีมฯ กล่าวว่า ทางบริษัทยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งจาก สพฐ.เรื่องมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารฯ ที่ให้ยกเลิกคำสั่งการประมูลและจะให้มาทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง คาดว่าในเร็วๆ นี้น่าจะได้รับหนังสือจาก สพฐ. ซึ่งหลังจากการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้วจะสามารถส่งมอบแท็บเล็ตของชั้น ม.1 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 426,683 เครื่องได้ทันภายใน 90 วันหลังมีการลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งทางบริษัทฯได้มีการเตรียมการไว้เดิมอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ส่วนกรณีที่จะมีการอี-ออกชันรอบใหม่ในโซนที่ 1 และ 2 นั้นขอดูรายละเอียดการประกวดราคาก่อนเพราะทางบริษัทฯ ต้องดูกำลังการผลิตแท็บเล็ตด้วยว่าหากเข้าร่วมประมูลและชนะจะสามารถส่งมอบแท็บเล็ตได้ทันหรือไม่ อย่างไรก็ตามส่วนตัวเห็นว่าการการประกวดราคาแท็บเล็ตอยากจะให้เปิดกว้างให้เฉพาะบริษัทในประเทศมากกว่าหากเปิดกว้างให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาแข่งขันจะควบคุมได้ยาก
