ศธ.จ่อเรียกค่าเสียหาย “เซิ่นเจิ้นฯ” 800 ล้านบาท หลังฉีกสัญญาทำให้แจกแท็บเล็ต ป.1 กว่า 8 แสนเครื่องไม่ได้ ขณะที่ สพฐ.เตรียมชง 3 แนวทางซื้อแท็บเล็ตทดแทน แต่เด็ก ป.1 ไม่ได้ทุกคน เหตุ “เซิ่นเจิ้น อิงถังฯ ทุบราคาไว้ต่ำมาก
จากกรณีบริษัท เซิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัดที่ชนะการประมูลจัดซื้อแท็บเล็ตชั้นป.1 ตามโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน ปีการศึกษา 2556 โซน 1 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 431,105 เครื่อง มูลค่า 842 ล้านบาท และโซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) 373,637 เครื่อง เป็นเงิน 786 ล้านบาท วงเงินรวม วงเงิน 1,628 ล้านบาท ได้ทำหนังสือแจ้งขอยกเลิกสัญญาซื้อขายแท็บเล็ตโดยให้เหตุผลถึงความแน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย ความเข้าใจต่อทีโออาร์(TOR) และสัญญาไม่ตรงกัน รวมถึงการติดต่อสื่อสารมีปัญหาอุปสรรคจนกระทั่งบริษัทส่งมอบของล่าช้าและถูกเรียกค่าปรับ จนทำให้ไม่สามารถจัดส่งแท็บเล็ตได้
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ศธ.ยืนยันว่าจะเดินหน้าการจัดซื้อแท็บเล็ตให้กับนักเรียนต่อไป เพราะโครงการนี้เป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างมาก เพราะปัญหาเกิดจากกระบวนการจัดซื้อก็ต้องหาวิธีการแก้ปัญหากันต่อไป โดยวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายฯ ก็จะได้พิจารณาและข้อยุติปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งตนขอยืนยันว่านโยบายการจัดซื้อแท็บเล็ตของรัฐบาลไม่มีการทุจริตอย่างแน่นอน
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารนโยบายฯ กล่าวว่า ในการประชุมจะหารือถึงประเด็นการยกเลิกสัญญาการจัดซื้อแท็บเล็ต โซน 1 และ 2 ซึ่งที่ประชุมจะมีการเรียกเงินมัดจำคืนจำนวน 120 ล้านบาท พร้อมให้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับบริษัทเสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ประมาณ 800 ล้านบาทด้วย ส่วนการแก้ปัญหาการจัดซื้อแท็บเล็ตปี 2556 ในโซนที่มีปัญหานั้นคาดว่าจะจัดสรรเงินให้กับเขตพื้นที่การศึกษาไปจัดซื้อเอง หรือเปิดซองประมูลกันใหม่ สำหรับโซน 3 (ภาคกลางและภาคใต้) ที่บริษัทสุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ทำหนังสือยื่นอุทธรณ์มายังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยขณะนี้ สพฐ. ได้นำหนังสืออุทธรณ์ของบริษัทสุพรีมฯมาให้นายจาตุรนต์ พิจารณาแล้วและทราบว่าจะให้บริษัทสุพรีมฯ ได้ดำเนินการต่อตามขั้นตอนโดยไม่มีการยกเลิกประมูล ทั้งนี้ ในส่วนของการจัดซื้อแท็บเล็ตโซน 4 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 402,889 เครื่อง ไม่ได้มีปัญหาและจะมีการหารือถึงการจัดส่งแท็บเล็ตในโซนนี้ต่อไป
ขณะที่ แหล่งข่าวจาก สพฐ. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา บ.จัสมินฯ ได้ส่งหนังสือแจ้งมายัง สพฐ.โดยระบุว่าทางบริษัทพร้อมจะจัดส่งเครื่องแท็บเล็ต ให้สพฐ.เบื้องต้นจำนวนกว่า 18,000 เครื่อง ซึ่งขณะนี้แท็บเล็ตจำนวนดังกล่าวอยู่ในโกดังของ บ.จัสมินฯ แล้ว รอแค่ทาง สพฐ.เข้าไปตรวจรับและก่อนหน้านี้ บ.จัสมินฯ ได้จัดส่งให้เครื่องแท็บเล็ตให้กับสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ไปแล้ว ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายฯ จะมีการเสนอแนวทางการจัดซื้อแท็บเล็ตทดแทนในโซน 1 และ 2 ใหม่ซึ่ง สพฐ.อาจจะเสนอเป็น 3 แนวทาง ดังนี้ แนวทางแรก ให้จัดซื้อตามเดิมโดยไม่มีการแก้ไขสเปกและใช้วิธีประมูลผ่านระบบอี-ออกชัน ซึ่งวิธีนี้จะใช้เวลาไม่นานนักคาดว่าประมาณ 150 วัน โรงเรียนจะได้รับแท็บเล็ต แนวทางที่ 2 อาจจะมีการแก้ไขสเปก ซึ่งหากมีการแก้ไขจะต้องใช้เวลาดำเนินการและจัดซื้อทั้งหมดประมาณ 1 ปี และแนวทางที่ 3 กระจายงบประมาณโซน 1 และ 2 ที่เหลือทั้งหมดให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เป็นผู้จัดซื้อ
อย่างไรก็ตาม สพฐ.จะต้องเสนอไปยังสำนักงบประมาณขอขยายในการงบประมาณแท็บเล็ต เพราะการขอขยายเวลากันงบประมาณรอบที่ผ่านมาจะครบกำหนดในเดือนมีนาคม 2557 จึงต้องขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือนซึ่งจะครบกำหนดในเดือนกันยายน 2557 อีกทั้งนักเรียน ป.1 จะไม่ได้รับแท็บเล็ตครบทั้ง 100% ตามเดิม เพราะ บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ได้ทุบราคาการประมูลจนได้ราคาจัดซื้อที่ราคา 1,900 บาทต่อเครื่อง จากราคากลาง 2,800 บาทต่อเครื่อง ซึ่งงบประมาณที่เหลืออยู่ก็จะเป็นงบประมาณตามราคาที่ บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ประมูลไว้
จากกรณีบริษัท เซิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัดที่ชนะการประมูลจัดซื้อแท็บเล็ตชั้นป.1 ตามโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน ปีการศึกษา 2556 โซน 1 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 431,105 เครื่อง มูลค่า 842 ล้านบาท และโซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) 373,637 เครื่อง เป็นเงิน 786 ล้านบาท วงเงินรวม วงเงิน 1,628 ล้านบาท ได้ทำหนังสือแจ้งขอยกเลิกสัญญาซื้อขายแท็บเล็ตโดยให้เหตุผลถึงความแน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย ความเข้าใจต่อทีโออาร์(TOR) และสัญญาไม่ตรงกัน รวมถึงการติดต่อสื่อสารมีปัญหาอุปสรรคจนกระทั่งบริษัทส่งมอบของล่าช้าและถูกเรียกค่าปรับ จนทำให้ไม่สามารถจัดส่งแท็บเล็ตได้
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ศธ.ยืนยันว่าจะเดินหน้าการจัดซื้อแท็บเล็ตให้กับนักเรียนต่อไป เพราะโครงการนี้เป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างมาก เพราะปัญหาเกิดจากกระบวนการจัดซื้อก็ต้องหาวิธีการแก้ปัญหากันต่อไป โดยวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายฯ ก็จะได้พิจารณาและข้อยุติปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งตนขอยืนยันว่านโยบายการจัดซื้อแท็บเล็ตของรัฐบาลไม่มีการทุจริตอย่างแน่นอน
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารนโยบายฯ กล่าวว่า ในการประชุมจะหารือถึงประเด็นการยกเลิกสัญญาการจัดซื้อแท็บเล็ต โซน 1 และ 2 ซึ่งที่ประชุมจะมีการเรียกเงินมัดจำคืนจำนวน 120 ล้านบาท พร้อมให้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับบริษัทเสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ประมาณ 800 ล้านบาทด้วย ส่วนการแก้ปัญหาการจัดซื้อแท็บเล็ตปี 2556 ในโซนที่มีปัญหานั้นคาดว่าจะจัดสรรเงินให้กับเขตพื้นที่การศึกษาไปจัดซื้อเอง หรือเปิดซองประมูลกันใหม่ สำหรับโซน 3 (ภาคกลางและภาคใต้) ที่บริษัทสุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ทำหนังสือยื่นอุทธรณ์มายังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยขณะนี้ สพฐ. ได้นำหนังสืออุทธรณ์ของบริษัทสุพรีมฯมาให้นายจาตุรนต์ พิจารณาแล้วและทราบว่าจะให้บริษัทสุพรีมฯ ได้ดำเนินการต่อตามขั้นตอนโดยไม่มีการยกเลิกประมูล ทั้งนี้ ในส่วนของการจัดซื้อแท็บเล็ตโซน 4 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 402,889 เครื่อง ไม่ได้มีปัญหาและจะมีการหารือถึงการจัดส่งแท็บเล็ตในโซนนี้ต่อไป
ขณะที่ แหล่งข่าวจาก สพฐ. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา บ.จัสมินฯ ได้ส่งหนังสือแจ้งมายัง สพฐ.โดยระบุว่าทางบริษัทพร้อมจะจัดส่งเครื่องแท็บเล็ต ให้สพฐ.เบื้องต้นจำนวนกว่า 18,000 เครื่อง ซึ่งขณะนี้แท็บเล็ตจำนวนดังกล่าวอยู่ในโกดังของ บ.จัสมินฯ แล้ว รอแค่ทาง สพฐ.เข้าไปตรวจรับและก่อนหน้านี้ บ.จัสมินฯ ได้จัดส่งให้เครื่องแท็บเล็ตให้กับสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ไปแล้ว ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายฯ จะมีการเสนอแนวทางการจัดซื้อแท็บเล็ตทดแทนในโซน 1 และ 2 ใหม่ซึ่ง สพฐ.อาจจะเสนอเป็น 3 แนวทาง ดังนี้ แนวทางแรก ให้จัดซื้อตามเดิมโดยไม่มีการแก้ไขสเปกและใช้วิธีประมูลผ่านระบบอี-ออกชัน ซึ่งวิธีนี้จะใช้เวลาไม่นานนักคาดว่าประมาณ 150 วัน โรงเรียนจะได้รับแท็บเล็ต แนวทางที่ 2 อาจจะมีการแก้ไขสเปก ซึ่งหากมีการแก้ไขจะต้องใช้เวลาดำเนินการและจัดซื้อทั้งหมดประมาณ 1 ปี และแนวทางที่ 3 กระจายงบประมาณโซน 1 และ 2 ที่เหลือทั้งหมดให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เป็นผู้จัดซื้อ
อย่างไรก็ตาม สพฐ.จะต้องเสนอไปยังสำนักงบประมาณขอขยายในการงบประมาณแท็บเล็ต เพราะการขอขยายเวลากันงบประมาณรอบที่ผ่านมาจะครบกำหนดในเดือนมีนาคม 2557 จึงต้องขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือนซึ่งจะครบกำหนดในเดือนกันยายน 2557 อีกทั้งนักเรียน ป.1 จะไม่ได้รับแท็บเล็ตครบทั้ง 100% ตามเดิม เพราะ บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ได้ทุบราคาการประมูลจนได้ราคาจัดซื้อที่ราคา 1,900 บาทต่อเครื่อง จากราคากลาง 2,800 บาทต่อเครื่อง ซึ่งงบประมาณที่เหลืออยู่ก็จะเป็นงบประมาณตามราคาที่ บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ประมูลไว้