xs
xsm
sm
md
lg

สธ.เผย มาลาเรียคุกคามชาวพัทลุง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สธ.เผยพบมาลาเรียระบาดที่พัทลุง หลังไม่เคยเกิดการระบาดมานาน เหตุประมาทมาตรวจหาเชื้อช้า ยันควบคุมโรคได้แล้ว ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ คร.แนะไปพื้นที่เสี่ยงต่อโรคต้องป้องกันตนเอง หากมีอการไข้ หนาวสั่น ให้รีบพบแพทย์ทันที

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากรายงานเฝ้าระวังโรคโดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 พ.ย. 2556 พบมีผู้ป่วยโรคมาลาเรีย 13,022 ราย และเสียชีวิต 9 รายจาก 75 จังหวัด คิดเป็นอัตราป่วย 20.50 ต่อแสนประชากร และอัตราตาย 0.01 ต่อแสนประชากร ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรร้อยละ 41 รองลงมาคือ นักเรียนร้อยละ 23 และรับจ้างร้อยละ 17 ส่วน กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ 15-24 ปี ร้อยละ23 รองลงมา คือ อายุ 25-34 ปี ร้อยละ 18 และอายุ 35-44 ปี ร้อยละ 14 ตามลำดับ ภาคที่มีผู้ป่วยสูงสุดคือภาคใต้ 3,940 ราย เมื่อจำแนกเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อแสนประชากรสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ยะลา ระนอง ตาก แม่ฮ่องสอนและชุมพร ส่วนจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วย คือ สิงห์บุรี และแพร่

นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ล่าสุดมีรายงานโรคมาลาเรียที่ จ.พัทลุง โดยผู้ป่วยรายแรกเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ใน จ.พัทลุง เดินทางไปเยี่ยมญาติและค้างคืนในพื้นที่แพร่เชื้อมาลาเรียที่ จ.สตูล หลังกลับภูมิลำเนา 14 วัน เริ่มมีอาการป่วย และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพัทลุง เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2556 รพ.พัทลุงได้เก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจ พบเชื้อไข้มาลาเรีย กรมควบคุมโรคโดยหน่วยควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลงที่ 5 จ.พัทลุง ได้สอบสวนโรค เฝ้าระวัง และควบคุมโรคในพื้นที่ โดยได้เจาะเลือดค้นหาผู้ป่วยรายใหม่ในพื้นที่ จ.พัทลุง และให้การรักษาเมื่อพบเชื้อไข้มาลาเรีย จนถึง ต.ค. 2556 ที่ผ่านมา พบมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติมอีก 12 ราย รวมทั้งหมดเป็น 13 ราย ซึ่งจากการสอบสวนโรคระบุว่า การระบาดของโรคครั้งนี้ เนื่องจากผู้ป่วยมารับการตรวจหาเชื้อมาลาเรียช้า เพราะพื้นที่ที่พบผู้ป่วยไม่มีรายงานโรคไข้มาลาเรียมานานแล้ว สธ.จึงได้สั่งการให้กรมควบคุมโรคและหน่วยงาน สธ.ในพื้นที่ดำเนินมาตรการ เพื่อควบคุมการระบาดของโรคมาลาเรียในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ซึ่งขณะนี้มีรายงานว่าสามารถควบคุมการระบาดของโรคและไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติม

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า หลังมีรายงานพบผู้ป่วยโรคมาลาเรียในพื้นที่ จ.พัทลุง คร.ได้สั่งการและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการควบคุมการระบาดของโรคในทันที โดยการติดตามสอบสวนโรค เจาะเลือดรอบบ้านผู้ป่วย เพื่อค้นหาผู้ที่อาจติดเชื้อมาลาเรีย และให้การรักษาเมื่อพบเชื้อ รวมทั้งพ่นเคมีชนิดมีฤทธิ์ตกค้างตามฝาบ้าน เพื่อลดจำนวนยุงพาหะ ซึ่งพ่นได้ครอบคลุมร้อยละ 100 ในพื้นที่ที่พบผู้ป่วยและรอบบ้านผู้ป่วย การออกหน่วยมาลาเรียคลินิกเคลื่อนที่ เพื่อให้สุขศึกษาประชาสัมพันธ์แก่ประชาชน แจกมุ้งชุบสารเคมีสำหรับป้องกันยุงจำนวน 500 หลังพร้อมทั้งได้กำชับให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์และดำเนินการควบคุมโรคอย่างเต็มที่

นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้จัดกิจกรรมการป้องกันควบคุมโรคไข้มาลาเรียอย่างเข้มแข็งด้วยการ 1.ค้นหาผู้ป่วยรายใหม่ และสำรวจผู้ไปประกอบอาชีพจากต่างถิ่น 2.ขอความร่วมมือ อสม. แจ้งบอกกล่าวสถานที่เข้ารับบริการตรวจหาเชื้อไข้มาลาเรีย 3.แนะนำประชาชนให้นอนกางมุ้งและทายากันยุง ป้องกันการถูกยุงกัด 4.เฝ้าระวังผู้ป่วยต่อไปอีก 60 วันหลังพบผู้ป่วยรายสุดท้าย 5.ฝึกอบรม “เรื่องการเจาะโลหิตหาเชื้อไข้มาลาเรีย” แก่ อสม.และ 6.บุคลากรทางการแพทย์ให้ซักประวัติการเดินทางของผู้ป่วยที่มารับการรักษาด้วยอาการไข้ หนาวสั่น เป็นต้น ซึ่งการดำเนินมาตรการดังกล่าวได้ส่งผลให้การควบคุมการระบาดของโรคมาลาเรียทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“วิธีป้องกันคือต้องไม่ให้ยุงก้นปล่องที่เป็นพาหะกัด สำหรับผู้ที่อาศัยหรือเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะภูเขาสูง ป่าทึบ และมีแหล่งน้ำลำธาร ซึ่งเป็นแหล่งแพร่พันธุ์ควรเตรียมมุ้งหรือเต็นท์ชนิดที่มีตาข่ายกันยุงไปด้วย ก่อนจะออกไปทำงานหรือไปกรีดยางในสวนยางพาราควรทายากันยุงที่แขน ขา ใบหู หลังคอ ควรสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวสีอ่อนๆ เพราะการใส่เสื้อผ้าสีทึบจะดึงดูดความสนใจยุง หลังกลับจากกรีดยางหรือทำงานในป่า หากมีอาการหนาวสั่น มีไข้ ปวดศีรษะ ผิวหนังซีด อาเจียน เบื่ออาหาร หรือปวดศีรษะมาก อาจปวดลึกเข้าไปในกระบอกตา กระสับกระส่าย เพ้อ กระหายน้ำ ชีพจรเต้นเร็ว คลื่นไส้อาเจียน มีเหงื่อออกชุ่มตัว ให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพร้อมแจ้งประวัติการเข้าป่า ซึ่งหากได้รับการรักษาที่รวดเร็ว จะช่วยลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิต ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เพราะอาจทำให้เชื้อดื้อยา และรุนแรงขึ้น” อธิบดี คร.กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น