สธ.เตือนกลุ่มเสี่ยงเป็นไข้หวัดใหญ่ ฉีดวัคซีนป้องกันโรค ส่วนผู้ป่วยไข้หวัดที่ จ.ปทุมธานี ผลสอบสวนโรคเบื้องต้นพบมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ขณะนี้อาการดีขึ้น คาดว่าจะทราบผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการภายใน 1-2 วัน
วันนี้ (13 ต.ค.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้เป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ข้อมูล ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่มกราคม ถึง 8 ตุลาคม 2556 มีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ต่างๆ จำนวน 34,109 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยในภาพรวมพบว่าในปีนี้มีจำนวนผู้ป่วยน้อยกว่าปีที่ผ่านมา แม้ว่าอยู่ในช่วงระบาดตามฤดูกาล เฉพาะเดือนกันยายน 2556 พบผู้ป่วย 3,947 ราย ในขณะที่ปี 2555 พบผู้ป่วยมากถึง 13,078 ราย
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ควรมองข้ามโรคไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากขณะนี้หลายพื้นที่ประสบปัญหาฝนตกหนักและมีน้ำท่วมขัง ทำให้อากาศชื้น และโรคนี้ติดต่อได้ง่ายแค่ไอ หรือจามรดกัน สัมผัสเสมหะผู้ป่วย หรือสัมผัสทางมือที่ปนเปื้อนเชื้อโรค จึงควรฉีดวัคซีนป้องกันกระตุ้นร่างกายให้มีการสร้างภูมิต้านทานทุกปี เพราะสายพันธุ์ของไวรัสมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ หากเป็นโรคไข้หวัดใหญ่แล้วอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ โดยสธ. ได้จัดเตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ไว้บริการฟรี จำนวน 3.5 ล้านคน และได้เริ่มทยอยให้บริการฉีดวัคซีนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้ว 2.3 ล้านคน จากเป้าหมาย 3 ล้านคน และฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ 2.7 แสนคน จากเป้าหมาย 3 แสนคน
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าพบผู้ป่วยชายไทย มีประวัติเดินทางไปประเทศพม่า แล้วป่วยด้วยอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ และได้เดินทางไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ และผลตรวจชุดทดสอบเร็วให้ผลบวกต่อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอนั้น ผลการสอบสวนของทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) เบื้องต้นพบมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ขณะนี้อาการดีขึ้น รวมทั้งลูก 2 คนของผู้ป่วยก็มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เช่นเดียวกัน ส่วนผู้ร่วมงานของผู้ป่วยรายนี้ มี 25 คนพบว่ามี 13 คน มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ ซึ่งได้ให้คำแนะนำในการป้องกันควบคุมโรคแล้ว คาดว่าจะได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันเชื้อภายใน 1-2 วันนี้
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่เกิดได้ตลอดปี โดยมีผู้ป่วยมาก เริ่มในช่วงกลางปีฤดูฝนต่อไปถึงฤดูหนาว สามารถป้องกันได้ โดยรักษาร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วย ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกัน ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ควรหยุดงาน/หยุดเรียน พักอยู่บ้าน โรคนี้รักษาตามอาการ เช่น รับประทานยาลดไข้ ลดน้ำมูก ยาแก้ไอ รับประทานอาหารอ่อนๆ หลีกเลี่ยงอากาศเย็น หรือการดื่มน้ำเย็น หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน หรือมีอาการหอบเหนื่อย ให้รีบไปพบแพทย์ สำหรับในสถานประกอบการ ถ้ามีพนักงานป่วย ให้หยุดงานพักอยู่บ้าน ในสถานประกอบการควรมีการเช็ดถู ทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น ลูกบิดประตู ก๊อกน้ำ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด เปิดหน้าต่างระบายอากาศให้แสงแดดส่องถึง ทั้ง นี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน กรมควบคุมโรค 1422 หรือสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ และสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง
วันนี้ (13 ต.ค.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้เป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ข้อมูล ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่มกราคม ถึง 8 ตุลาคม 2556 มีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ต่างๆ จำนวน 34,109 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยในภาพรวมพบว่าในปีนี้มีจำนวนผู้ป่วยน้อยกว่าปีที่ผ่านมา แม้ว่าอยู่ในช่วงระบาดตามฤดูกาล เฉพาะเดือนกันยายน 2556 พบผู้ป่วย 3,947 ราย ในขณะที่ปี 2555 พบผู้ป่วยมากถึง 13,078 ราย
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ควรมองข้ามโรคไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากขณะนี้หลายพื้นที่ประสบปัญหาฝนตกหนักและมีน้ำท่วมขัง ทำให้อากาศชื้น และโรคนี้ติดต่อได้ง่ายแค่ไอ หรือจามรดกัน สัมผัสเสมหะผู้ป่วย หรือสัมผัสทางมือที่ปนเปื้อนเชื้อโรค จึงควรฉีดวัคซีนป้องกันกระตุ้นร่างกายให้มีการสร้างภูมิต้านทานทุกปี เพราะสายพันธุ์ของไวรัสมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ หากเป็นโรคไข้หวัดใหญ่แล้วอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ โดยสธ. ได้จัดเตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ไว้บริการฟรี จำนวน 3.5 ล้านคน และได้เริ่มทยอยให้บริการฉีดวัคซีนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้ว 2.3 ล้านคน จากเป้าหมาย 3 ล้านคน และฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ 2.7 แสนคน จากเป้าหมาย 3 แสนคน
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าพบผู้ป่วยชายไทย มีประวัติเดินทางไปประเทศพม่า แล้วป่วยด้วยอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ และได้เดินทางไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ และผลตรวจชุดทดสอบเร็วให้ผลบวกต่อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอนั้น ผลการสอบสวนของทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) เบื้องต้นพบมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ขณะนี้อาการดีขึ้น รวมทั้งลูก 2 คนของผู้ป่วยก็มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เช่นเดียวกัน ส่วนผู้ร่วมงานของผู้ป่วยรายนี้ มี 25 คนพบว่ามี 13 คน มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ ซึ่งได้ให้คำแนะนำในการป้องกันควบคุมโรคแล้ว คาดว่าจะได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันเชื้อภายใน 1-2 วันนี้
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่เกิดได้ตลอดปี โดยมีผู้ป่วยมาก เริ่มในช่วงกลางปีฤดูฝนต่อไปถึงฤดูหนาว สามารถป้องกันได้ โดยรักษาร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วย ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกัน ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ควรหยุดงาน/หยุดเรียน พักอยู่บ้าน โรคนี้รักษาตามอาการ เช่น รับประทานยาลดไข้ ลดน้ำมูก ยาแก้ไอ รับประทานอาหารอ่อนๆ หลีกเลี่ยงอากาศเย็น หรือการดื่มน้ำเย็น หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน หรือมีอาการหอบเหนื่อย ให้รีบไปพบแพทย์ สำหรับในสถานประกอบการ ถ้ามีพนักงานป่วย ให้หยุดงานพักอยู่บ้าน ในสถานประกอบการควรมีการเช็ดถู ทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น ลูกบิดประตู ก๊อกน้ำ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด เปิดหน้าต่างระบายอากาศให้แสงแดดส่องถึง ทั้ง นี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน กรมควบคุมโรค 1422 หรือสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ และสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง