สธ.กระจายฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปี 56 ให้กลุ่มเสี่ยงได้แล้ว 1.2 ล้านคน จาก 3.5 ล้านคน กรมควบคุมโรคยันฉีดครบได้ภายใน ก.ย.นี้ เตือน 5 กลุ่มห้ามฉีดอาจเกิดผลแทรกซ้อน หากมีปัญหาพร้อมตั้ง คกก.ตรวจสอบใน 4 สัปดาห์ ปัดส่งวัคซีนช้าจนบุคลากรทางการแพทย์ และ ปชช.ได้รับผลกระทบ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาล ว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 27 พ.ค.-30 ก.ย. 2556 ตั้งเป้าฉีดทั้งหมด 3.5 ล้านคน ให้กับกลุ่มเสี่ยง 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.บุคลากรทางการแพทย์ และ 2.ประชาชน ประกอบด้วยผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป กลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน - 2 ปี และผู้ป่วยทุกอายุที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้น หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ล่าสุดได้กระจายฉีดวัคซีนแล้ว 1,232,576 คน คาดว่าจะเร่งดำเนินการฉีดให้ครบตามเป้าหมาย และกรอบระยะเวลาที่กำหนด
“แม้จะพ้น ก.ย.ไปจนถึง พ.ย.หรือ ธ.ค.ก็ยังสามารถดำเนินการฉีดวัคซีนได้ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงระบาดของโรค ตั้งแต่ฤดูฝนไปจนถึงฤดูหนาว โดยวัคซีนไม่หมดอายุ จึงไม่ต้องกังวล สำหรับวัคซีนที่ใช้ในปีนี้เป็นชนิดรวม ป้องกันไข้หวัดใหญ่ซึ่งพบมากที่สุดในประเทศไทย 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์เอ H1N1 ชนิดเอ H3N2 และชนิดบี หลังฉีดจะมีผลป้องกันโรคเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งจะลดการป่วยหรือลดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้” นพ.โอภาส กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากฉีดวัคซีนดังกล่าวและเกิดผลแทรกซ้อนจะส่งผลต่อชีวิตหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ปกติไม่ถึงขั้นนั้น แต่หากมีกรณีดังกล่าว หรือมีเคสน่าสงสัย สธ.มีมาตรการในการเฝ้าระวังหลังฉีดวัคซีน 4 สัปดาห์ หากพบสิ่งผิดปกติจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้น โดยญาติหรือบุคคลใกล้ชิดสามารถร้องไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ได้ทันที อย่างไรก็ตาม ในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยทั่วไปจะมีข้อห้าม 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน 2.ผู้ที่เคยแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือสารประกอบอื่นๆ หรือแพ้ไข่ไก่ แพ้ไก่อย่างรุนแรง 3.ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเฉียบพลัน มีไข้ 4.ผู้ที่มีโรคประจำตัวในระยะกำเริบ 5.หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์น้อยกว่า 4 เดือน หรือมีภาวะครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง จึงขอแนะนำให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังปรึกษาแพทย์ที่ดูแลรักษาเป็นประจำ ก่อนการฉีดวัคซีน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการจัดส่งวัคซีนของ คร.มีความล่าช้าจนทำให้บุคลากรสาธารณสุขรับการฉีดวัคซีนล่าช้า และต้องยืม สปสช.นพ.โอภาส กล่าวว่า เป็นเรื่องการบริหารจัดการ แต่ไม่ส่งผลกระทบใดๆ เนื่องจากบุคลากรสาธารณสุขก็ได้รับวัคซีน ประชาชนกลุ่มเสี่ยงก็ได้รับ เห็นได้จากการกระจายวัคซีนดำเนินไปแล้ว 1.2 ล้านคน ซึ่งเหลือยังอีกกว่าล้านคน อย่างไรก็เพียงพอ และไม่ส่งผลกระทบใดๆ
ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษก สปสช.กล่าวว่า ขณะนี้มีการฉีดไปแล้วประมาณร้อยละ 45 และคาดว่า ภายใน 2 เดือน จะสามารถฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงได้ครบทั้งหมดกว่า 3 ล้านโดส ส่วนกรณีที่ คร.มีการจัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลประมาณ 300,000 โดส เพื่อฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ใช่หน้าที่ของ สปสช.ทราบว่าขณะนี้ คร.อยู่ระหว่างการจัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งคาดว่าการจัดซื้อไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และคงจะสามารถซื้อวัคซีนแล้วเสร็จและสามารถฉีดได้ทันภายในฤดูกาลการระบาดของไข้หวัดใหญ่อย่างแน่นอน
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาล ว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 27 พ.ค.-30 ก.ย. 2556 ตั้งเป้าฉีดทั้งหมด 3.5 ล้านคน ให้กับกลุ่มเสี่ยง 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.บุคลากรทางการแพทย์ และ 2.ประชาชน ประกอบด้วยผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป กลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน - 2 ปี และผู้ป่วยทุกอายุที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้น หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ล่าสุดได้กระจายฉีดวัคซีนแล้ว 1,232,576 คน คาดว่าจะเร่งดำเนินการฉีดให้ครบตามเป้าหมาย และกรอบระยะเวลาที่กำหนด
“แม้จะพ้น ก.ย.ไปจนถึง พ.ย.หรือ ธ.ค.ก็ยังสามารถดำเนินการฉีดวัคซีนได้ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงระบาดของโรค ตั้งแต่ฤดูฝนไปจนถึงฤดูหนาว โดยวัคซีนไม่หมดอายุ จึงไม่ต้องกังวล สำหรับวัคซีนที่ใช้ในปีนี้เป็นชนิดรวม ป้องกันไข้หวัดใหญ่ซึ่งพบมากที่สุดในประเทศไทย 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์เอ H1N1 ชนิดเอ H3N2 และชนิดบี หลังฉีดจะมีผลป้องกันโรคเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งจะลดการป่วยหรือลดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้” นพ.โอภาส กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากฉีดวัคซีนดังกล่าวและเกิดผลแทรกซ้อนจะส่งผลต่อชีวิตหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ปกติไม่ถึงขั้นนั้น แต่หากมีกรณีดังกล่าว หรือมีเคสน่าสงสัย สธ.มีมาตรการในการเฝ้าระวังหลังฉีดวัคซีน 4 สัปดาห์ หากพบสิ่งผิดปกติจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้น โดยญาติหรือบุคคลใกล้ชิดสามารถร้องไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ได้ทันที อย่างไรก็ตาม ในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยทั่วไปจะมีข้อห้าม 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน 2.ผู้ที่เคยแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือสารประกอบอื่นๆ หรือแพ้ไข่ไก่ แพ้ไก่อย่างรุนแรง 3.ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเฉียบพลัน มีไข้ 4.ผู้ที่มีโรคประจำตัวในระยะกำเริบ 5.หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์น้อยกว่า 4 เดือน หรือมีภาวะครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง จึงขอแนะนำให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังปรึกษาแพทย์ที่ดูแลรักษาเป็นประจำ ก่อนการฉีดวัคซีน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการจัดส่งวัคซีนของ คร.มีความล่าช้าจนทำให้บุคลากรสาธารณสุขรับการฉีดวัคซีนล่าช้า และต้องยืม สปสช.นพ.โอภาส กล่าวว่า เป็นเรื่องการบริหารจัดการ แต่ไม่ส่งผลกระทบใดๆ เนื่องจากบุคลากรสาธารณสุขก็ได้รับวัคซีน ประชาชนกลุ่มเสี่ยงก็ได้รับ เห็นได้จากการกระจายวัคซีนดำเนินไปแล้ว 1.2 ล้านคน ซึ่งเหลือยังอีกกว่าล้านคน อย่างไรก็เพียงพอ และไม่ส่งผลกระทบใดๆ
ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษก สปสช.กล่าวว่า ขณะนี้มีการฉีดไปแล้วประมาณร้อยละ 45 และคาดว่า ภายใน 2 เดือน จะสามารถฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงได้ครบทั้งหมดกว่า 3 ล้านโดส ส่วนกรณีที่ คร.มีการจัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลประมาณ 300,000 โดส เพื่อฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ใช่หน้าที่ของ สปสช.ทราบว่าขณะนี้ คร.อยู่ระหว่างการจัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งคาดว่าการจัดซื้อไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และคงจะสามารถซื้อวัคซีนแล้วเสร็จและสามารถฉีดได้ทันภายในฤดูกาลการระบาดของไข้หวัดใหญ่อย่างแน่นอน
