xs
xsm
sm
md
lg

ดีเดย์ 27 พ.ค.นี้ ปูพรมฉีดวัคซีนหวัดใหญ่ให้กลุ่มเสี่ยงฟรี 3.5 ล้านโดส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดีเดย์ 27 พ.ค.นี้ สธ.จับมือ สปสช.ปูพรมฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้แก่กลุ่มเสี่ยงฟรี 3.5 ล้านโดส หลังพบสถิติปีที่ผ่านมา 70% ไม่มีอาการป่วยเลยหลังได้รับการฉีด ขณะที่ 30% ป่วยแต่ไม่รุนแรง
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
วันนี้ (15 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กทม.  นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างแถลงข่าวโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ประจำปี 2556 ว่า สธ.ได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ประจำปี 2556 จำนวน 3.5 ล้านโดส งบประมาณกว่า 500 ล้านบาท ให้แก่กลุ่มเสี่ยงทุกสิทธิการรักษาฟรี 2 กลุ่ม คือ 1.ประชาชน ประกอบด้วย ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อาทิ โรคปอดอุดกั้น หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด และเบาหวาน รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือน - 2 ปี เป็นต้น และ 2.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครกำจัดสัตว์ปีก โดยจะเริ่มฉีดพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. - 30 ก.ย. 2556 ภายในโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วน สปสช.1330 หรือสายด่วน กรมควบคุมโรค 1422

นพ.พรเทพ ศิริรวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า การฉีดวัคซีนดังกล่าวเป็นการรณรงค์ให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงวัคซีนได้มากที่สุด โดยวัคซีนที่ฉีดเป็นชนิดที่ทำจากเชื้อตาย รวม 3 สายพันธุ์ คือ ชนิด A H1N1 ชนิด A H3N2 และชนิด B ซึ่งเป็นเชื้อตามฤดูกาลที่พบในไทยในขณะนี้ แต่วัคซีนชนิดนี้ไม่สามารถป้องกันโรคไข้หวัดนกทั้งสายพันธุ์เก่าและใหม่ได้

นพ.พรเทพ กล่าวอีกว่า โรคไข้หวัดใหญ่มักระบาดในช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาว แต่ละปีไทยมีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 9 แสนราย ในจำนวนนี้ร้อยละ 3 หรือประมาณ 26,000 ราย มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดบวม ต้องรับรักษาในโรงพยาบาล เสียชีวิตปีละประมาณ 150 ราย ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ 913-2,453 ล้านบาท โดยในปี 2556 มีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สะสมทั่วประเทศตั้งแต่ 1 ม.ค. - 1 พ.ค. รวม 18,005 ราย ไม่มีเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เป็นต้น หากป่วยเป็นโรคนี้มักจะมีอาการแทรกซ้อนรุนแรง อาจเสียชีวิตได้ เนื่องจากมีภูมิต้านทานโรคต่ำ จึงต้องฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิป้องกัน ซึ่งผลจากการศึกษาวิจัยยืนยันมีความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพในการลดการเจ็บป่วยและการตาย หรือภาวะแทรกซ้อนจากโรคไข้หวัดใหญ่  

จากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเมื่อปีที่ผ่านมา แม้จะยังไม่สามารถฉีดได้ครอบคลุมตามเป้าที่ตั้งไว้ แต่พบว่าภายหลังการฉีดในกลุ่มเสี่ยงนั้น 70% ไม่มีอาการป่วยอีก ส่วนอีก 30% ที่ป่วยจะไม่มีอาการรุนแรง ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่บางรายอาจมีอาการป่วยใน 1-2 วันแรก ซึ่งเป็นอาการปกติของผู้ฉีดวัคซีน จึงไม่อยากให้กังวลว่าฉีดแล้วจะทำให้ป่วย แต่เป็นเพียงการปรับตัวของร่างกายเท่านั้น” อธิบดี คร.กล่าวและว่า ในปีนี้มีการเพิ่มวัคซีนจาก 3 ล้านโดส เป็น 3.5 ล้านโดส เพื่อฉีดให้แก่กลุ่มเสี่ยง เมื่อฉีดครอบคลุมครบทั้งหมดแล้วภายในเดือน ต.ค.นี้ หากวัคซีนยังคงเหลือก็จะฉีดให้แก่ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง

นพ.พรเทพ กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้หลายวิธีคือการมีสุขอนามัยที่ดี ได้แก่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงคลุกคลีกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ หากมีอาการไอจามให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชูปิดปาก ปิดจมูก ผู้ที่ป่วยควรหยุดงาน หยุดเรียน พักรักษาตัวจนกว่าจะหาย สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดนกที่ประเทศจีนขณะนี้ ถือว่าดีขึ้น เนื่องจากอากาศเริ่มร้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม สธ.ก็จะจัดทำเอกสารคู่มือเป็น 3 ภาษา ได้แก่ ไทย จีน และอังกฤษ เกี่ยวกับอาการและการดูแลร่างกาย เพื่อแจกให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย หากมีอาการเข้าข่ายตามที่ระบุไว้จะได้เข้าพบแพทย์ได้ทัน ส่วนมาตรการกักตัวนักท่องเที่ยวคงไม่มีแน่นอน

ด้าน นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า สำหรับการนำวัคซีนไข้หวัดใหญ่มาฉีดให้แก่กลุ่มเสี่ยงสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลลงได้ปีละประมาณ 900 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังทำให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น