สธ.แนะประชาชนดูแลสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วยจาก 6 โรคที่พบบ่อยในฤดูหนาวเผยฤดูหนาวปีที่ผ่านมา พบป่วย 4.7 แสนราย เสียชีวิต 355 ราย ขอความร่วมมือชี้ยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือฟอกสบู่ระบุพบผู้เสียชีวิตกว่า 4.7 แสนราย
วันนี้ (3 พ.ย.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่ายหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน สภาพที่อากาศชื้น หนาวเย็น ทำให้เชื้อโรคหลายชนิดโดยเฉพาะเชื้อไวรัสเจริญเติบโตได้ดี มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น ได้ให้กรมควบคุมโรคออกประกาศแจ้งเตือน การป้องกันโรคที่มักเกิดขึ้นในฤดูหนาวไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุข ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการดูแลสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วยจาก 6 โรคที่พบบ่อยในฤดูหนาวทุกปี ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัด อีสุกอีใส มือเท้าปาก และอุจจาระร่วง รวมทั้งช่วยกันป้องกันอันตรายจากการดื่มเหล้าแก้หนาว เพราะประชาชนบางส่วนยังมีความเชื่อว่า การดื่มเหล้าจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นร่างกาย แก้หนาวได้ ไม่ต้องสวมเสื้อผ้าให้อบอุ่นก็ได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดและเป็นอันตรายมาก ทำให้มีข่าวเสียชีวิตทุกปี
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ช่วงฤดูหนาวปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2555-กุมภาพันธ์ 2556 สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานพบผู้ป่วย 6 โรคฤดูหนาวรวม 471,172 ราย เสียชีวิต 355 ราย โรคที่มีความรุนแรงมากที่สุด คือปอดบวม เสียชีวิต 350 ราย จากที่ป่วยทั้งหมด 64,155 ราย รองลงมาคือไข้หวัดใหญ่ป่วย 23,255 ราย เสียชีวิต 1 ราย อุจจาระร่วง 351,611 ราย เสียชีวิต 4 ราย โรคมือเท้าปาก 13,823 ราย โรคอีสุกอีใส 17,251 ราย และโรคหัด 1,077 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น หอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคตับ โรคไต เบาหวาน โรคโลหิตจาง เนื่องจากมีภูมิต้านทานโรคต่ำ จึงติดเชื้อง่าย และอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไป ดังนั้นจึงขอให้ผู้ที่มีความเสี่ยงป่วยง่าย ไม่คลุกคลีใกล้ชิดและไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นหวัด ไอ จาม เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ จาน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็ก รวมทั้งมีผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแลเช่นผู้ป่วยอัมพาต ผู้สูงอายุที่ป่วยและช่วยตัวเองไม่ได้ ขอให้เพิ่มการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ จุดที่ต้องเพิ่มความอบอุ่นเป็นพิเศษคือ ศีรษะ คอ และหน้าอก
ทางด้านนพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆในฤดูหนาว ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง โดยออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และเพิ่มผัก ผลไม้สด ซึ่งมีวิตามินซี จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคได้ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ไม่หักโหมทำงานหามรุ่งหามค่ำ เนื่องจากจะทำให้เกิดความอ่อนเพลีย สวมเสื้อผ้าหนาๆ หรือสวมเสื้อหลายๆ ชั้น เพื่อรักษาร่างกายให้อบอุ่น
ทั้งนี้ ในการป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อ ให้ประชาชนยึดหลักปฏิบัติ คือให้กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ขอให้ประชาชนกระตุ้นสมาชิกในครอบครัว หรือหากเป็นโรงเรียน ขอให้ครูฝึกและกระตุ้นให้นักเรียนปฏิบัติให้ติดเป็นนิสัย การล้างมือจะขจัดเชื้อโรคที่ติดมากับมือออกไปได้ถึงร้อยละ 80 และให้สังเกตอาการป่วย หากเป็นไข้หวัดหรือป่วยมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเนื้อตัว อ่อนเพลีย เจ็บคอ ไอ ให้นอนพักอยู่บ้าน หาก 2 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ยังมีไข้สูง หรือมีอาการหายใจลำบาก หายใจเร็ว หอบเหนื่อย โดยเฉพาะเด็กเล็กหายใจมีเสียงหวีด ซี่โครงบุ๋ม ขอให้นึกถึงโรคปอดบวม ซึ่งเป็นโรคที่มีอันตรายสูง ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทันที หากเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ควรใช้ผ้าปิดปากและจมูกเวลาไอจาม ไม่คลุกคลีกับผู้อื่น รวมทั้งขอให้กลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไปรับบริการที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน
นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการดื่มสุรา สูบบุหรี่ และยาเสพติดต่างๆ เนื่องจากเป็นสิ่งทำลายสุขภาพ ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง โดยเฉพาะการดื่มสุราเพื่อหวังแก้หนาวเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง การดื่มสุราระยะแรกจะทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบ เนื่องจากหลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ความร้อนจะถูกระบายออกจากร่างกายมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว และทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลง ระบบไหลเวียนเลือดหนืดขึ้น อาจเสียชีวิตได้ และหากดื่มหนักฤทธิ์แอลกอฮอล์จะกดประสาทส่วนกลางทำให้เมา หลับไม่รู้สึกตัว โดยเฉพาะถ้ามีเครื่องนุ่งห่มให้ความอบอุ่นไม่เพียงพอ ร่างกายตากอากาศเย็นเป็นเวลานานอาจเสียชีวิตได้เช่นกัน
วันนี้ (3 พ.ย.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่ายหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน สภาพที่อากาศชื้น หนาวเย็น ทำให้เชื้อโรคหลายชนิดโดยเฉพาะเชื้อไวรัสเจริญเติบโตได้ดี มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น ได้ให้กรมควบคุมโรคออกประกาศแจ้งเตือน การป้องกันโรคที่มักเกิดขึ้นในฤดูหนาวไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุข ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการดูแลสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วยจาก 6 โรคที่พบบ่อยในฤดูหนาวทุกปี ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัด อีสุกอีใส มือเท้าปาก และอุจจาระร่วง รวมทั้งช่วยกันป้องกันอันตรายจากการดื่มเหล้าแก้หนาว เพราะประชาชนบางส่วนยังมีความเชื่อว่า การดื่มเหล้าจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นร่างกาย แก้หนาวได้ ไม่ต้องสวมเสื้อผ้าให้อบอุ่นก็ได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดและเป็นอันตรายมาก ทำให้มีข่าวเสียชีวิตทุกปี
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ช่วงฤดูหนาวปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2555-กุมภาพันธ์ 2556 สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานพบผู้ป่วย 6 โรคฤดูหนาวรวม 471,172 ราย เสียชีวิต 355 ราย โรคที่มีความรุนแรงมากที่สุด คือปอดบวม เสียชีวิต 350 ราย จากที่ป่วยทั้งหมด 64,155 ราย รองลงมาคือไข้หวัดใหญ่ป่วย 23,255 ราย เสียชีวิต 1 ราย อุจจาระร่วง 351,611 ราย เสียชีวิต 4 ราย โรคมือเท้าปาก 13,823 ราย โรคอีสุกอีใส 17,251 ราย และโรคหัด 1,077 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น หอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคตับ โรคไต เบาหวาน โรคโลหิตจาง เนื่องจากมีภูมิต้านทานโรคต่ำ จึงติดเชื้อง่าย และอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไป ดังนั้นจึงขอให้ผู้ที่มีความเสี่ยงป่วยง่าย ไม่คลุกคลีใกล้ชิดและไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นหวัด ไอ จาม เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ จาน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็ก รวมทั้งมีผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแลเช่นผู้ป่วยอัมพาต ผู้สูงอายุที่ป่วยและช่วยตัวเองไม่ได้ ขอให้เพิ่มการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ จุดที่ต้องเพิ่มความอบอุ่นเป็นพิเศษคือ ศีรษะ คอ และหน้าอก
ทางด้านนพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆในฤดูหนาว ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง โดยออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และเพิ่มผัก ผลไม้สด ซึ่งมีวิตามินซี จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคได้ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ไม่หักโหมทำงานหามรุ่งหามค่ำ เนื่องจากจะทำให้เกิดความอ่อนเพลีย สวมเสื้อผ้าหนาๆ หรือสวมเสื้อหลายๆ ชั้น เพื่อรักษาร่างกายให้อบอุ่น
ทั้งนี้ ในการป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อ ให้ประชาชนยึดหลักปฏิบัติ คือให้กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ขอให้ประชาชนกระตุ้นสมาชิกในครอบครัว หรือหากเป็นโรงเรียน ขอให้ครูฝึกและกระตุ้นให้นักเรียนปฏิบัติให้ติดเป็นนิสัย การล้างมือจะขจัดเชื้อโรคที่ติดมากับมือออกไปได้ถึงร้อยละ 80 และให้สังเกตอาการป่วย หากเป็นไข้หวัดหรือป่วยมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเนื้อตัว อ่อนเพลีย เจ็บคอ ไอ ให้นอนพักอยู่บ้าน หาก 2 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ยังมีไข้สูง หรือมีอาการหายใจลำบาก หายใจเร็ว หอบเหนื่อย โดยเฉพาะเด็กเล็กหายใจมีเสียงหวีด ซี่โครงบุ๋ม ขอให้นึกถึงโรคปอดบวม ซึ่งเป็นโรคที่มีอันตรายสูง ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทันที หากเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ควรใช้ผ้าปิดปากและจมูกเวลาไอจาม ไม่คลุกคลีกับผู้อื่น รวมทั้งขอให้กลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไปรับบริการที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน
นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการดื่มสุรา สูบบุหรี่ และยาเสพติดต่างๆ เนื่องจากเป็นสิ่งทำลายสุขภาพ ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง โดยเฉพาะการดื่มสุราเพื่อหวังแก้หนาวเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง การดื่มสุราระยะแรกจะทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบ เนื่องจากหลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ความร้อนจะถูกระบายออกจากร่างกายมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว และทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลง ระบบไหลเวียนเลือดหนืดขึ้น อาจเสียชีวิตได้ และหากดื่มหนักฤทธิ์แอลกอฮอล์จะกดประสาทส่วนกลางทำให้เมา หลับไม่รู้สึกตัว โดยเฉพาะถ้ามีเครื่องนุ่งห่มให้ความอบอุ่นไม่เพียงพอ ร่างกายตากอากาศเย็นเป็นเวลานานอาจเสียชีวิตได้เช่นกัน