กรมควบคุมโรคเผย โรคปอดบวมคร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับ 1 ถึง 78% แนะสังเกต 4 อาการเสี่ยงเป็นปอดบวม คือไข้ไม่ลง ไอมากถี่ขึ้น หายใจหอบ และน้ำมูกเปลี่ยนสี กระตุ้นออกกำลังกายบ่อยๆ ช่วยเสริมความแข็งแรงให้ร่างกาย
![ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต](https://mpics.mgronline.com/pics/Images/556000013898301.JPEG)
วันนี้ (23 ต.ค.) นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า โรคปอดบวมเป็นโรคติดเชื้อที่มีอันตราย และมีความรุนแรงสูง นอกจากนี้ ยังเป็นโรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากที่สุด โดยพบว่ามากถึงร้อยละ 78 ของการเสียชีวิตทั้งหมด สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อหลายชนิด เช่น แบคทีเรียและเชื้อไวรัส ผู้ที่ป่วยเป็นโรคปอดบวมจะมีอาการไข้สูง ไอมาก เจ็บหน้าอก หายใจหอบ มีเสมหะมาก และเหนื่อยง่าย มักจะเกิดตามหลังป่วยโรคไข้หวัดประมาณ 3 วัน ประชาชนสามารถสังเกตอาการโรคนี้ง่ายๆ คือ 1.ไข้มักจะไม่ลง 2.ไอมาก ไอถี่ขึ้น 3.หายใจหอบ และ 4.น้ำมูกจะเปลี่ยนสีไปจากเดิม คือจากสีใส เป็นสีขุ่นข้น เขียว
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ผู้ป่วยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ปกครองสามารถสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณเตือนโรคปอดบวม ได้แก่ ไข้สูง เด็กมีอาการซึมลง ไม่กินน้ำกินนม ไอมีเสมหะ หายใจหอบเร็ว หรือหายใจมีเสียงดังหวีด หรือหายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม หากมีอาการดังกล่าว ขอให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันที เพื่อรักษาตั้งแต่ระยะแรก อันตรายต่างๆ จะน้อยลง
“การป้องกันโรคปอดบวม ขอให้ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วงหน้าหนาวต้องสวมเสื้อผ้าหลายชั้นให้ร่างกายอบอุ่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการคลุกคลี และใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย และใช้ช้อนกลางเมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ถ้าเป็นไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ ควรใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูกเวลาไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่คนแออัด หมั่นล้างมือให้สะอาดภายหลังสัมผัสสิ่งของหรือผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัวควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล” อธิบดี คร.กล่าว
วันนี้ (23 ต.ค.) นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า โรคปอดบวมเป็นโรคติดเชื้อที่มีอันตราย และมีความรุนแรงสูง นอกจากนี้ ยังเป็นโรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากที่สุด โดยพบว่ามากถึงร้อยละ 78 ของการเสียชีวิตทั้งหมด สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อหลายชนิด เช่น แบคทีเรียและเชื้อไวรัส ผู้ที่ป่วยเป็นโรคปอดบวมจะมีอาการไข้สูง ไอมาก เจ็บหน้าอก หายใจหอบ มีเสมหะมาก และเหนื่อยง่าย มักจะเกิดตามหลังป่วยโรคไข้หวัดประมาณ 3 วัน ประชาชนสามารถสังเกตอาการโรคนี้ง่ายๆ คือ 1.ไข้มักจะไม่ลง 2.ไอมาก ไอถี่ขึ้น 3.หายใจหอบ และ 4.น้ำมูกจะเปลี่ยนสีไปจากเดิม คือจากสีใส เป็นสีขุ่นข้น เขียว
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ผู้ป่วยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ปกครองสามารถสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณเตือนโรคปอดบวม ได้แก่ ไข้สูง เด็กมีอาการซึมลง ไม่กินน้ำกินนม ไอมีเสมหะ หายใจหอบเร็ว หรือหายใจมีเสียงดังหวีด หรือหายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม หากมีอาการดังกล่าว ขอให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันที เพื่อรักษาตั้งแต่ระยะแรก อันตรายต่างๆ จะน้อยลง
“การป้องกันโรคปอดบวม ขอให้ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วงหน้าหนาวต้องสวมเสื้อผ้าหลายชั้นให้ร่างกายอบอุ่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการคลุกคลี และใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย และใช้ช้อนกลางเมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ถ้าเป็นไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ ควรใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูกเวลาไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่คนแออัด หมั่นล้างมือให้สะอาดภายหลังสัมผัสสิ่งของหรือผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัวควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล” อธิบดี คร.กล่าว