ศธ.จับมือสภาหอการค้าฯ ผลิตบุคลากรสายอาชีพ พร้อมมอบ สอศ.เป็นหน่วยงานตั้งต้นดำเนินการทำหลักสูตรระยะสั้น เน้นภาษอังกฤษเพื่อการทำงานสำหรับนักเรียนและแรงงาน ในสถานประกอบการ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลัง นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ รศ.ดร.เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าเข้าพบ ว่า ได้ร่วมหารือกับทางสภาหอการค้าฯ ถึงความร่วมมือในการผลิตบุคลากรทางสายอาชีพให้ได้คุณภาพตามความต้องการของภาคการผลิต โดยจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างทางสภาหอการค้าฯ ม.หอการค้า และ ศธ.เพื่อร่วมกันกำหนดคุณสมับัติ สมรรถนะ หลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อผลิตบุคลากรในสายอาชีพ ซึ่งขณะนี้ทางสภาหอการค้าฯ และ ม.หอการค้า ได้มีการสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการ ดังนั้น ตนจึงได้ขอให้ทางสภาหอการค้าฯ และ ม.หอการค้า ช่วยเป็นกำลังสำคัญในการหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อร่วมพัฒนาและจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอน รวมทั้งขอให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนและจัดการศึกษาให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
นอกจากนี้ ทาง ม.หอการค้า ยังให้ข้อมูลด้วยว่ามหาวิทยาลัยมีการไปเปิดสอนยังต่างประเทศ เช่น ประเทศเมียนมาร์ ขณะเดียวกันก็มีการรับนักศึกษาจากประเทศเพื่อนบ้านมาเรียนด้วย ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะสอดคล้องกับที่เรากำลังจะก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อย่างไรก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยระบุว่าอยากให้แก้ไขในระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ที่มีผลต่อการเคลื่อนย้ายเพื่อมาศึกษาต่อทั้งของนักเรียนและครูต่างชาติ โดยเฉพาะในเรื่องการขอวีซ่าซึ่งต้องต่ออายุถี่มาก เช่น นักเรียนต่อทุก 6 เดือน เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ตนจะพยายามประสานเพื่อขอให้มีการแก้ไข
“มีข้อเสนอด้วยว่าอยากให้ ศธ.เร่งพัฒนาในเรื่องของภาษาอังกฤษให้กับนักเรียน นักศึกษาและแรงงานในสถานประกอบการ ซึ่งตรงนี้ตรงกับนโยบายที่ผมเน้นย้ำ ซึ่งผมได้ให้ความเห็นว่าการเรียนภาษาอังกฤษจะต้องเรียนอย่างเข้มข้นใช้เวลาเรียน 1-2 เดือน ซึ่งมีตัวอย่างจากในต่างประเทศพบว่าวิธีการลักษณะนี้ได้ผลดี โดยเบื้องต้นจะให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เป็นหน่วยงานตั้งต้นไปดำเนินการเน้นทำเป็นหลักสูตรระยะสั้น และเน้นภาษาอังกฤษเพื่อการทำงานสำหรับแรงงานในสถานประกอบการ เป็นต้น” นายจาตุรนต์ กล่าว
ด้าน นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) กล่าวว่า ในเรื่องการพัฒนาทักษะภาษานั้น รมว.ศึกษาธิการ จะให้ สอศ.เป็นหน่วยงานเริ่มต้น โดยมีเป้าหมายดำเนินงาน เป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกการจัดอบรมเรื่องภาษาอังกฤษ รวมถึงภาษาจีน และภาษาประเทศเพื่อนบ้าน โดยเน้นจัดอบรมแบบเข้มข้นในช่วงปิดเทอมใหญ่ใช้ระยะเวลาการอบรม 4-6 สัปดาห์ เพื่อยกระดับความสามารถทางภาษาทั้งนักเรียนและประชาชนทั่วไป และส่วนที่ 2 เน้นสอนภาษาอังกฤษเพื่อการทำงานสำหรับกลุ่มแรงงานเป็นหลักเพื่อให้สามารถฟังรู้เรื่องและสื่อสารทำงานได้มีประสิทธิภาพ โดยทำเป็นหลักสูตรระยะสั้น 1-2 เดือน ซึ่งจะเน้นออกแบบหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานในอาชีพต่างๆ เช่น แม่บ้าน งานโรงแรม งานช่าง ฯลฯ เป็นภาษาเพื่อการทำงานอย่างแท้จริง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลัง นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ รศ.ดร.เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าเข้าพบ ว่า ได้ร่วมหารือกับทางสภาหอการค้าฯ ถึงความร่วมมือในการผลิตบุคลากรทางสายอาชีพให้ได้คุณภาพตามความต้องการของภาคการผลิต โดยจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างทางสภาหอการค้าฯ ม.หอการค้า และ ศธ.เพื่อร่วมกันกำหนดคุณสมับัติ สมรรถนะ หลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อผลิตบุคลากรในสายอาชีพ ซึ่งขณะนี้ทางสภาหอการค้าฯ และ ม.หอการค้า ได้มีการสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการ ดังนั้น ตนจึงได้ขอให้ทางสภาหอการค้าฯ และ ม.หอการค้า ช่วยเป็นกำลังสำคัญในการหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อร่วมพัฒนาและจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอน รวมทั้งขอให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนและจัดการศึกษาให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
นอกจากนี้ ทาง ม.หอการค้า ยังให้ข้อมูลด้วยว่ามหาวิทยาลัยมีการไปเปิดสอนยังต่างประเทศ เช่น ประเทศเมียนมาร์ ขณะเดียวกันก็มีการรับนักศึกษาจากประเทศเพื่อนบ้านมาเรียนด้วย ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะสอดคล้องกับที่เรากำลังจะก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อย่างไรก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยระบุว่าอยากให้แก้ไขในระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ที่มีผลต่อการเคลื่อนย้ายเพื่อมาศึกษาต่อทั้งของนักเรียนและครูต่างชาติ โดยเฉพาะในเรื่องการขอวีซ่าซึ่งต้องต่ออายุถี่มาก เช่น นักเรียนต่อทุก 6 เดือน เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ตนจะพยายามประสานเพื่อขอให้มีการแก้ไข
“มีข้อเสนอด้วยว่าอยากให้ ศธ.เร่งพัฒนาในเรื่องของภาษาอังกฤษให้กับนักเรียน นักศึกษาและแรงงานในสถานประกอบการ ซึ่งตรงนี้ตรงกับนโยบายที่ผมเน้นย้ำ ซึ่งผมได้ให้ความเห็นว่าการเรียนภาษาอังกฤษจะต้องเรียนอย่างเข้มข้นใช้เวลาเรียน 1-2 เดือน ซึ่งมีตัวอย่างจากในต่างประเทศพบว่าวิธีการลักษณะนี้ได้ผลดี โดยเบื้องต้นจะให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เป็นหน่วยงานตั้งต้นไปดำเนินการเน้นทำเป็นหลักสูตรระยะสั้น และเน้นภาษาอังกฤษเพื่อการทำงานสำหรับแรงงานในสถานประกอบการ เป็นต้น” นายจาตุรนต์ กล่าว
ด้าน นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) กล่าวว่า ในเรื่องการพัฒนาทักษะภาษานั้น รมว.ศึกษาธิการ จะให้ สอศ.เป็นหน่วยงานเริ่มต้น โดยมีเป้าหมายดำเนินงาน เป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกการจัดอบรมเรื่องภาษาอังกฤษ รวมถึงภาษาจีน และภาษาประเทศเพื่อนบ้าน โดยเน้นจัดอบรมแบบเข้มข้นในช่วงปิดเทอมใหญ่ใช้ระยะเวลาการอบรม 4-6 สัปดาห์ เพื่อยกระดับความสามารถทางภาษาทั้งนักเรียนและประชาชนทั่วไป และส่วนที่ 2 เน้นสอนภาษาอังกฤษเพื่อการทำงานสำหรับกลุ่มแรงงานเป็นหลักเพื่อให้สามารถฟังรู้เรื่องและสื่อสารทำงานได้มีประสิทธิภาพ โดยทำเป็นหลักสูตรระยะสั้น 1-2 เดือน ซึ่งจะเน้นออกแบบหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานในอาชีพต่างๆ เช่น แม่บ้าน งานโรงแรม งานช่าง ฯลฯ เป็นภาษาเพื่อการทำงานอย่างแท้จริง
