สธ.เผยคุณภาพอากาศชายฝั่งระยอง 500 เมตร มีสารปนเปื้อนในอากาศสูงกว่าปกติเล็กน้อย แต่อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย สั่งตั้งจุดตรวจปัสสาวะหน่วยกู้ภัยและประชาชนหาสารก่อมะเร็ง พร้อมเฝ้าระวังคุณภาพน้ำทะเลและอาหารทะเล ก่อนตรวจอีกใน 15 วัน เทียบความแตกต่าง เตือนผู้ปฏิบัติงานสวมอุปกรณ์ป้องกันหลังพบส่วนหนึ่งไม่สวมใส่
วันนี้ (31 ก.ค.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามผลกระทบด้านสุขภาพอนามัยจากปัญหาน้ำมันดิบรั่วลงทะเล จ.ระยอง ว่า การวางแผนดูแลสุขภาพประชาชนระยะเร่งด่วน สธ.วางระบบไว้ 4 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การเฝ้าระวังผลกระทบเฉียบพลันจากน้ำมันดิบ โดยตั้งจุดตรวจคัดกรอง และเก็บปัสสาวะของผู้ปฏิบัติงานกู้ภัยภายหลังเลิกงาน ซึ่งมีทั้งพนักงานของบริษัท ปตท. อาสาสมัคร ทหารเรือ และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ เพื่อตรวจหาสารที-ที มิวโคนิค แอซิด (T-T muconic Acid) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในน้ำมันดิบและเข้าสู่ร่างกายจากการสูดดม หากสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน อาจก่อให้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ โดยมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์อาชีวอนามัย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ระยอง ร่วมดำเนินการ โดยวันที่ 30 ก.ค.เก็บตรวจจำนวน 209 คน วันที่ 31 ก.ค.เก็บได้ประมาณ 300 คน ส่งตรวจวิเคราะห์ที่ รพ.ระยอง ใช้เวลา 5 วัน โดยสารตัวนี้ในปัสสาวะต้องมีไม่เกิน 500 ไมโครกรัมต่อกรัมครีเอตินีน
นายสรวงศ์ กล่าวอีกว่า 2.ตั้งหน่วยปฐมพยาบาลที่อ่าวพร้าว ดูแลรักษาอาการป่วย โดยทีมจาก รพ.ระยอง ร่วมกับหน่วยพยาบาลของบริษัท ปตท.ตลอด 24 ชั่วโมง 3.ตั้งจุดดูแลรักษาผู้ป่วยที่ รพ.สต.เกาะเสม็ด และ 4.การเฝ้าระวังคุณภาพน้ำทะเล และอาหารทะเล เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยประชาชนผู้บริโภค โดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ชลบุรี ได้เก็บตัวอย่างกุ้ง หอยแมลงภู่ ปู ปลา ในพื้นที่ที่เกิดเหตุน้ำมันรั่ว รวมทั้งน้ำทะเล เพื่อมาตรวจวิเคราะห์เป็นข้อมูลพื้นฐาน เนื่องจากในช่วง 1-2 วันนี้ คาดว่าผลกระทบจะยังไม่เกิด และอีก 15 วัน จะเก็บมาตรวจซ้ำ เพื่อวิเคราะห์ความแตกต่างหรือสิ่งผิดปกติ เพื่อติดตามการปนเปื้อนโลหะหนัก รวมทั้งสารพาห์ซึ่งเป็นตัวก่อมะเร็งได้
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า จากการติดตามผลกระทบต่อสุขภาพ ขณะนี้มีรายงานผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่ รพ.สต.เกาะเสม็ด 20 ราย ส่วนใหญ่มีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ จากการสูดกลิ่นของน้ำมันดิบ โดยขณะนี้ รพ.ระยอง สามารถให้การดูแลผู้ป่วยได้ แต่ปัญหาที่น่าห่วงคือ ผู้ปฏิบัติงานกู้ภัยส่วนหนึ่งไม่ได้ใช้อุปกรณ์ป้องกันการสูดดม จะต้องมีการติดตามตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดย สธ.ได้ประชุมด้านการแพทย์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และวางแผนจัดระบบโดยให้ รพ.ระยอง ดูแลอาสาสมัคร และ อสม. ส่วนกลุ่มทหารเรือประสาน รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และพนักงานบริษัทประสานให้บริษัทติดตาม โดย สธ.จะเก็บปัสสาวะผู้ปฏิบัติงาน หรือประชาชนที่สัมผัสคราบน้ำมันดิบส่งตรวจทุกคน และมอบให้ รพ.ระยอง เป็นศูนย์ข้อมูลและเป็นศูนย์กลางในการติดตามดูแลผู้สัมผัสสารอย่างต่อเนื่อง 2-5 ปี พร้อมมอบหมายให้กรมควบคุมโรคนำหน้ากากอนามัยชนิดพิเศษ ป้องการสารเคมีมามอบให้เจ้าหน้าที่ทำงานจำนวน 5,000 ชิ้น และหน้ากากชนิดเอ็น 95 จำนวน 200 ชิ้น
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กรมควบคุมมลพิษ ได้ส่งทีมฉุกเฉินมาตรวจคุณภาพอากาศในบริเวณอ่าวพร้าวแล้ว ข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ในระยะห่างจากชายฝั่งประมาณ 200-500 เมตร หรือในบริเวณที่อยู่อาศัยต่างๆ คุณภาพอากาศยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก คือ ปริมาณสารปนเปื้อนในอากาศสูงกว่าปกติเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย สำหรับการจัดระบบติดตามในระยะยาว สธ.ได้วางแผนติดตามสุขภาพประชาชน โดยร่วมมือกับกรมประมง กรมควบคุมมลพิษ เพื่อร่วมติดตามประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะจากห่วงโซ่อาหาร จึงขอแนะนำให้ประชาชนอย่านำปลาทะเล หรือสัตว์ทะเลที่ตาย และถูกคลื่นซัดขึ้นมาที่ชายหาดมารับประทาน หลีกเลี่ยงการสัมผัสดิน สัตว์น้ำ หรือวัสดุต่างๆ ที่มีการปนเปื้อน เช่น ลงเล่นน้ำ เล่นกีฬาทางน้ำ หากสัมผัสคราบน้ำมัน ควรรีบล้างด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที สำหรับการเข้าไปอยู่อาศัย หรือท่องเที่ยวในบริเวณอ่าวพร้าว ควรงดเว้นจนกว่าการเก็บกวาดคราบน้ำมันจะเสร็จสิ้น