กรมควบคุมโรคเผยสถานการณ์อ่าวพร้าว จ.ระยอง ดีขึ้น คาดกลับเป็นปกติในไม่ช้า ส่วนผลการตรวจปัสสาวะผู้เก็บกู้คราบน้ำมันไม่พบสารเบนซีนเกินมาตรฐาน เตรียมพร้อมเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ อากาศ และอาหาร อย่างต่อเนื่อง เตือน 4 กลุ่มเสี่ยงห้ามเข้าใกล้พื้นที่
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า สถานการณ์ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาและผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง ดีขึ้นมาก ไม่เหลือฟิล์มน้ำมันตามแนวชายฝั่งเกาะเสม็ดแล้ว มั่นใจว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ในไม่ช้า ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับมอบหมายจาก นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้มาติดตามผลกระทบต่อสุขภาพจากสารเบนซีนในคราบน้ำมัน ซึ่งจากการคัดกรองกลุ่มเสี่ยง 4 ระดับ ได้แก่ สัมผัสมาก ปานกลาง น้อย และอาจจะสัมผัส โดยการส่งตรวจปัสสาวะที่ห้องปฏิบัติการ รพ.ระยอง และศูนย์พัฒนาวิชาการอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม จ.ระยอง ณ วันที่ 3 ส.ค. จำนวน 150 ตัวอย่าง พบว่า ทุกตัวอย่างมีค่าสารอนุพันธุ์ของเบนซีนในปัสสาวะไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด ส่วนข้อมูลด้านการเจ็บป่วยของผู้ปฏิบัติงานบนเกาะเสม็ดตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. - 2 ส.ค.มีผู้ป่วยรวม 301 ราย เจ็บป่วยด้วยอาการที่เกี่ยวข้อง เช่น เป็นลม ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ไอ เจ็บคอ ผื่นคัน จำนวน 156 ราย
นพ.พรเทพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่พบประชาชนหรือคนงานมีความเครียดสูง หรือปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ มีประชาชนเพียงบางส่วนที่มีความวิตกกังวล นอนไม่หลับ ซึ่งมีทีม MCATT คอยพูดคุย ซักถามและให้คำปรึกษา และได้มีการประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้มีการติดตามและเฝ้าระวังด้านปัญหาสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง ส่วนการเฝ้าระวังคุณภาพอาหารและน้ำ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 6 ชลบุรีได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุข จ.ระยอง เก็บตัวอย่างปลาสด และหอยสด จากบริเวณตลาดตำบลเพ และตำบลแกลง เพื่อหาสารโพลีไซคลิค อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน (PAHs) และโลหะหนัก เช่น สารหนู ตะกั่ว ปรอท และแคดเมียม รวมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำดื่มตามมาตรฐาน อย.โดยวางมาตรการระยะสั้นและระยะยาวตามระบบเฝ้าระวังอาหารปลอดภัย ส่วนผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ณ บริเวณอ่าวพร้าว โดยสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 ชลบุรี พบว่าทั้งค่า Benzene ค่า Toluene และค่า Xylene ไม่เกินมาตรฐานที่กำหนดยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
“ขอให้ประชาชนระมัดระวังอย่าสัมผัสคราบน้ำมัน เพราะในน้ำมันดิบจะมีการปนเปื้อนของโลหะหนักที่เป็นอันตรายโดยเฉพาะแคดเมียมและตะกั่ว ซึ่งจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านผิวหนัง และจะมีอาการแสดงของพิษค่อนข้างเร็วและรุนแรง จนถึงขั้นมือสั่นและกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ สำหรับผู้ปฏิบัติงานกู้คราบน้ำมัน แนะนำให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันและสวมหน้ากากอนามัย ส่วนกลุ่มจิตอาสา หากจะมาช่วยเหลือต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้า และต้องฝึกอบรมในการเก็บกู้ด้วย เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการได้รับอันตรายระหว่างปฏิบัติงาน” อธิบดี คร.กล่าว
นพ.พรเทพ กล่าวด้วยว่า สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้ที่มีโรคประจำตัว อาทิ โรคหอบหืด โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากจะได้รับผลกระทบได้ง่ายและเร็วกว่ากลุ่มอื่น ขอให้หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณชายหาดที่มีคราบน้ำมัน ควรอยู่ห่างประมาณ 500 เมตรและอยู่เหนือลม
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า สถานการณ์ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาและผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง ดีขึ้นมาก ไม่เหลือฟิล์มน้ำมันตามแนวชายฝั่งเกาะเสม็ดแล้ว มั่นใจว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ในไม่ช้า ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับมอบหมายจาก นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้มาติดตามผลกระทบต่อสุขภาพจากสารเบนซีนในคราบน้ำมัน ซึ่งจากการคัดกรองกลุ่มเสี่ยง 4 ระดับ ได้แก่ สัมผัสมาก ปานกลาง น้อย และอาจจะสัมผัส โดยการส่งตรวจปัสสาวะที่ห้องปฏิบัติการ รพ.ระยอง และศูนย์พัฒนาวิชาการอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม จ.ระยอง ณ วันที่ 3 ส.ค. จำนวน 150 ตัวอย่าง พบว่า ทุกตัวอย่างมีค่าสารอนุพันธุ์ของเบนซีนในปัสสาวะไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด ส่วนข้อมูลด้านการเจ็บป่วยของผู้ปฏิบัติงานบนเกาะเสม็ดตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. - 2 ส.ค.มีผู้ป่วยรวม 301 ราย เจ็บป่วยด้วยอาการที่เกี่ยวข้อง เช่น เป็นลม ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ไอ เจ็บคอ ผื่นคัน จำนวน 156 ราย
นพ.พรเทพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่พบประชาชนหรือคนงานมีความเครียดสูง หรือปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ มีประชาชนเพียงบางส่วนที่มีความวิตกกังวล นอนไม่หลับ ซึ่งมีทีม MCATT คอยพูดคุย ซักถามและให้คำปรึกษา และได้มีการประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้มีการติดตามและเฝ้าระวังด้านปัญหาสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง ส่วนการเฝ้าระวังคุณภาพอาหารและน้ำ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 6 ชลบุรีได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุข จ.ระยอง เก็บตัวอย่างปลาสด และหอยสด จากบริเวณตลาดตำบลเพ และตำบลแกลง เพื่อหาสารโพลีไซคลิค อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน (PAHs) และโลหะหนัก เช่น สารหนู ตะกั่ว ปรอท และแคดเมียม รวมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำดื่มตามมาตรฐาน อย.โดยวางมาตรการระยะสั้นและระยะยาวตามระบบเฝ้าระวังอาหารปลอดภัย ส่วนผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ณ บริเวณอ่าวพร้าว โดยสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 ชลบุรี พบว่าทั้งค่า Benzene ค่า Toluene และค่า Xylene ไม่เกินมาตรฐานที่กำหนดยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
“ขอให้ประชาชนระมัดระวังอย่าสัมผัสคราบน้ำมัน เพราะในน้ำมันดิบจะมีการปนเปื้อนของโลหะหนักที่เป็นอันตรายโดยเฉพาะแคดเมียมและตะกั่ว ซึ่งจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านผิวหนัง และจะมีอาการแสดงของพิษค่อนข้างเร็วและรุนแรง จนถึงขั้นมือสั่นและกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ สำหรับผู้ปฏิบัติงานกู้คราบน้ำมัน แนะนำให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันและสวมหน้ากากอนามัย ส่วนกลุ่มจิตอาสา หากจะมาช่วยเหลือต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้า และต้องฝึกอบรมในการเก็บกู้ด้วย เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการได้รับอันตรายระหว่างปฏิบัติงาน” อธิบดี คร.กล่าว
นพ.พรเทพ กล่าวด้วยว่า สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้ที่มีโรคประจำตัว อาทิ โรคหอบหืด โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากจะได้รับผลกระทบได้ง่ายและเร็วกว่ากลุ่มอื่น ขอให้หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณชายหาดที่มีคราบน้ำมัน ควรอยู่ห่างประมาณ 500 เมตรและอยู่เหนือลม