ยอดผู้ป่วยไข้เลือดออกล่าสุดเพิ่มเป็น 6.7 หมื่นราย ตาย 71 ราย สูงกว่าปีที่แล้ว 3.2 เท่า แนะกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ดูแลตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด หากป่วยไข้เลือดออกให้รีบพบแพทย์รักษา ช่วยลดอัตราการตายได้
วันนี้ (12 ก.ค.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 9 ก.ค. 2556 มีผู้ป่วยไข้เลือดออกแล้ว 67,889 ราย เสียชีวิต 71 ราย สูงกว่าปีที่แล้ว 3.2 เท่า กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ 15-24 ปี คิดเป็นร้อยละ 28.91 และกลุ่มอายุที่พบเสียชีวิตสูงสุด คือ 15-24 ปี คิดเป็นร้อยละ 28.17 สาเหตุที่ทำให้ปริมาณยุงลายเพิ่มมากขึ้น เกิดจากฝนตกบ่อย และจำนวนแหล่งเพาะพันธุ์ที่เป็นภาชนะมีมากขึ้น สธ.จึงมอบหมายให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำในชุมชน ครู นักเรียนและประชาชน ร่วมมือกันทำ 5ป 1ข ได้แก่ ปิดฝาภาชนะกักเก็บน้ำทุกชนิด เปลี่ยนน้ำทุกๆ 7 วัน ปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนะกักเก็บน้ำ ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ปฏิบัติเป็นประจำให้เป็นนิสัย และ 1ข คือ ขัดภาชนะที่อาจมีคราบไข่ยุงเกาะอยู่ รวมถึงการให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันไม่ให้ยุงกัด หากเป็นไข้เลือดออกต้องรีบไปพบแพทย์ เพื่อรักษาแต่เนิ่นๆ จะลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยได้
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้เลือดออก ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ไม่มียารักษาเฉพาะ เมื่อป่วยแล้วแพทย์จะรักษาตามอาการ ซึ่งช่วงที่อันตรายของโรค คือ ช่วงที่ไข้ลดลง เนื่องจากเป็นช่วงที่เข้าสู่ระยะช็อก ซึ่งหากรักษาไม่ทันจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตภายใน 1 วันได้ และพบว่าผู้ป่วยที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เนื่องมาจากมาพบแพทย์ช้าเกินไปในช่วงที่ไข้ลดแล้วช็อกนั่นเอง เพราะฉะนั้น เมื่อป่วยเป็นไข้สูงเกิน 2 วัน อย่านิ่งนอนใจรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว