xs
xsm
sm
md
lg

ระวัง! 17 โรครุมเร้าหน้าฝน หลังพบปีที่แล้วป่วยตายเพียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เตือนประชาชนระวังสารพัดโรครุมเร้าช่วงฤดูฝน ทั้งไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม ไข้เลือดออก มาลาเรีย ฉี่หนู มือเท้าปาก รวมกว่า 17 โรค สถิติปี 2555 พบป่วยเกือบ 9 แสนคน เสียชีวิต 764 คน แนะออกกำลังกายสม่ำเสมอ รักษาความอบอุ่นเพิ่มภูมิต้านทานโรค กลุ่มเสี่ยงรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรีที่ รพ.สังกัด สธ.
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ตนได้ให้กรมควบคุมโรค (คร.) ออกประกาศเรื่องการป้องกันโรคในฤดูฝน ส่งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศเพื่อเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วย และได้เน้นย้ำให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ให้ความสำคัญในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปอดบวมรุนแรง เพื่อเฝ้าระวังโรคติดต่อจากเชื้อโคโรนาไวรัส และไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 และ H5N1 ด้วยการคัดกรองและซักประวัติผู้ป่วยอย่างละเอียด แม้ยังไม่พบผู้ป่วยในไทยก็ตาม

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า โรคที่มักมาพร้อมฤดูฝนและน้ำท่วมมี 5 กลุ่ม รวม 17 โรค ได้แก่ 1.กลุ่มโรคทางเดินหายใจ พบบ่อย 5 โรค คือ โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ และปอดอักเสบ หรือปอดบวม เกิดจากเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียในอากาศ ติดต่อกันง่ายทางการไอจาม โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ หากป่วยเป็นปอดบวมอาจเสียชีวิตได้ โดยจะมีอาการที่สังเกตได้ คือมีไข้สูง หายใจเร็ว หรือเหนื่อยหอบ 2.โรคติดต่อทางน้ำและอาหาร ที่พบบ่อยคือการกินเห็ดพิษที่ช่วงหน้าฝนจะขึ้นเองตามธรรมชาติในป่า และอาจเกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ทำให้มีความเสี่ยงที่ประชาชนจะบริโภคน้ำดื่มหรือกินอาหารที่ไม่สะอาด หรือมีเชื้อโรคปนเปื้อน ทำให้เกิดโรคทางเดินอาหาร เช่น โรคท้องเดิน หรืออุจจาระร่วง อหิวาตกโรค บิด ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ เป็นต้น

3.โรคที่เกิดจากยุงและสัตว์ต่างๆ มี 4 โรค คือ ไข้เลือดออกจากยุงลายตามบริเวณบ้าน โรคมาลาเรียจากยุงก้นปล่องที่อาศัยอยู่ในป่า โรคไข้สมองอักเสบ เจ อี (Japanese Encephalitis) เกิดจากถูกยุงรำคาญ ซึ่งมักอยู่ในแหล่งน้ำในทุ่งนากัด และโรคเลปโตสไปโรซิส หรือโรคไข้ฉี่หนู ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในฉี่หนู สุนัข โค กระบือ และสัตว์ฟันแทะต่างๆ เชื้อจะปะปนในดินโคลนที่ชื้นแฉะ ทั้ง 4 โรคจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะมาก โดยโรคฉี่หนูจะมีอาการเด่นคือ ปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่น่องและโคนขาอย่างรุนแรง ตาแดง 4.โรคที่เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เช่น โรคมือเท้าปาก เกิดจากเชื้อไวรัสคอกซากีไวรัส เอนเทอโรไวรัส ซึ่งพบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ได้ประปรายทั้งปี แต่จะเพิ่มมากขึ้นในฤดูฝน โดยเฉพาะในศูนย์เด็กเล็กต่างๆ และ 5.โรคที่มักเกิดในภาวะน้ำท่วมมี 2 โรค ได้แก่ โรคตาแดงจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำสกปรกเข้าตา และโรคน้ำกัดเท้าจากเชื้อรา จากการทำงานที่ต้องลุยในน้ำสกปรกนานๆ หรือเดินลุยน้ำท่วมขังในช่วงที่มีฝนตก ใส่รองเท้าอับชื้น และถูกสัตว์มีพิษกัด เช่น งู ตะขาบ แมงป่องที่หนีน้ำมาอาศัยในบ้านเรือน

ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ในช่วงฤดูฝนในปี 2555 ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ต.ค.พบผู้ป่วยจาก 17 โรคที่กล่าวมารวม 880,146 คน มากที่สุดคือ โรคปอดบวม 108,381 คน ไข้หวัดใหญ่ 46,754 คน ไข้เลือดออก 44,167 คน และโรคมือเท้าปาก 33,093 คน มีผู้เสียชีวิต 764 คน จากปอดบวมมากที่สุด 623 คน ไข้เลือดออก 59 คน ไข้ฉี่หนู 31 คน กินเห็ดพิษ 23 คน มาลาเรีย 12 คน” ปลัด สธ.กล่าว

ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดี คร.กล่าวว่า การป้องกันโรคในฤดูฝน ขอให้ประชาชนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอเพื่อสร้างภูมิต้านทานโรค หากเปียกฝนขอให้อาบน้ำ สระผม เช็ดให้แห้ง และสวมเสื้อผ้าที่แห้ง ล้างมือล้างเท้าให้สะอาดหลังลุยน้ำย่ำโคลน หรือสวมรองเท้าบูท หลีกเลี่ยงการเดินในพื้นที่ชื้นแฉะ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสัตว์เพื่อป้องกันโรคฉี่หนู อย่าให้ยุงกัดโดยนอนในมุ้งหรือทายากันยุง ทำลายลูกน้ำยุงตามภาชนะเก็บกักน้ำในบ้านและรอบบ้าน ตัดตอนไม่ให้ลูกน้ำกลายเป็นตัวยุง ทายากันยุง เช่น โลชั่นตะไคร้หอม เพื่อป้องกันยุงกัด รวมทั้งสวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อนๆ ซึ่งเป็นสีที่ยุงไม่ชอบ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ที่เป็นไข้หวัด ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำ และสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ และดูแลบ้านเรือนให้สะอาด ไม่ให้เป็นที่อาศัยของสัตว์นำโรคและสัตว์มีพิษที่หนีน้ำมาอาศัยในบ้าน ประการสำคัญขอให้ยึดหลักปลอดภัยคือกินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือก่อนกินอาหารและหลังจากใช้ห้องน้ำ จะป้องกันได้หลายโรค

ทั้งนี้ หากป่วยเป็นไข้หวัดขอให้พักรักษาตัวที่บ้านจนกว่าจะหาย สวมหน้ากากอนามัย ใช้ผ้าเช็ดหน้า หรือทิชชูปิดจมูกและปากเวลาไอจาม หากมีไข้สูง เช็ดตัวหรือกินยาลดไข้แล้วไข้ยังไม่ลดลงภายใน 2 วัน ขอให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาที่ถูกต้อง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรไปรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านฟรี


กำลังโหลดความคิดเห็น